วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คำศัพท์ที่ขึ้นด้วยข่าว

ตอนนี้ขอนำเสนอคำศัพท์ที่ มีคำว่า ข่าว
มาดูกัน

ข่าว news (n)
ข่าวกรอง, ข้อมูลลับ intelligence
ข่าวกีฬา sports news
ข่าวด่วน hot news, spot news, urgent news
ข่าวดี good news
ข่าวเด่น, ข่าวน่าสนใจ, สกู๊ปข่าว scoop
ข่าวในประเทศ, ข่าวท้องถิ่น local news
ข่าวพาดหัว, หัวข่าว headline
ข่าวยกเมฆ groundless news
ข่าวรอบดึก News Night (n)

ข่าวร้าย bad news
ข่าวลือ rumor
ข่าวสด, ข่าวด่วน, ข่าวล่าสุด fresh news
ข่าวสังคม social news
ข่าวสังคม, ข่าวกิจกรรม action news
ข่าวสั้นๆ คั่นรายการ newsflash
ข่าวสั้นๆที่แทรกอยู่ข้างๆของข่าว sidebar
ข่าวสาร, ข้อมูล, ความรู้ information
ข่าวสารที่ตัดจากหนังสือพิมพ์หรือนิตยาสาร clipping
ข่าวใหญ่ great news
ข่าวใหญ่ big news
เรื่องอื้อฉาว, ข่าวสดๆ ร้อนๆ big noise

เกร็ดความรู้
คำว่าข่าว (News) เป็นคำย่อมาจากทิศทั้ง 4 คือ
North = ทิศเหนือ
East = ทิศตะวันออก
West = ทิศตะวันตก
South = ทิศใต้
* * * * *

สำนวนไทย - ภาษิตฝรั่ง

วันนี้มาดูสำนวนคนไทยเทียบเคียงกับคำสุภาษิต
องคนฝรั่งเขาดู จะเหมือนหรือจะต่างกันยังไง
ลองมาดูกันนะครับ

สร้างวิมานในอากาศ
ความหมาย ใฝ่ฝันถึงความมั่งมี คิดคาดหรือหวังว่าจะได้
               หรือเป็นอะไรอย่างเลื่อนลอย
ภาษิตฝรั่ง A castle in the air.

ยกตนข่มท่าน
ความหมาย พูดยกย่องตนเองหรือทับถมผู้อื่น
ภาษิตฝรั่ง Magnify oneself against somebody.


หน้าไหว้หลังหลอก
ความหมาย ต่อหน้าทำอย่างหนึ่งลับหลังทำอีกอย่างหนึ่ง
ภาษิตฝรั่ง Double faced.

อย่ายืมจมูกคนอื่นมาหายใจ, ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ความหมาย ทุกคนต้องพึ่งตัวเอง อย่าหวังพึ่ง หรือ
                    อาศัยผู้อื่นให้ทำงาน หรือทำสิ่งต่างๆ ให้
ภาษิตฝรั่ง Every tub must stand on its own bottom.
              Everyman is the architect of his own fortune.
              Everyone is the maker of his own fate.
              God helps them that help themselves.

หมาเห่าใบตองแห้ง
ความหมาย คนที่เก่งแต่พูด แต่ทำอะไรไม่ได้
ภาษิตฝรั่ง A barking dog never bites.

กระต่ายหมายจันทร์
ความหมาย ชายที่หมายปองหญิงที่มีฐานะสูงกว่า
ภาษิตฝรั่ง Cry for the moon.

ปิดควันไฟไม่มิด
ความหมาย ความรัก เรื่องอื้อฉาวเป็นสิ่งที่ปกปิดไม่ได้
ภาษิตฝรั่ง Love and a cough cannot be hid.

ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
ความหมาย พูดว่าคนอื่นอย่างไรตนเองก็เป็นอย่างนั้น หรือ
                    กลับทำตามที่ว่าเขานั่นเอง
ภาษิตฝรั่ง The pot called the kettle black.
              The eye that sees all things else sees not itself.
              We see not what is in the wallet behind.  

น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ
ความหมาย อย่าขัดขวางเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไปอย่างรุนแรง
ภาษิตฝรั่ง Better bend than break.

ตบมือข้างเดียวไม่ดัง
ความหมาย ทำอะไรฝ่ายเดียวในเรื่องที่ต้องการ
                ความร่วมมือจากอีกฝ่าย ย่อมไม่เกิดผล
ภาษิตฝรั่ง It takes two to make a quarrel.

เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
ความหมาย ประพฤติตนให้เหมาะสมกับกาละเทศะ
ภาษิตฝรั่ง When in Rome do as the Romans do.


รำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง
ความหมาย ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดกลับซัดทอดผู้อื่น
ภาษิตฝรั่ง Bad workman often blame their tools.

อย่าเล่นกับไฟ
ความหมาย อย่าเล่นกับสิ่งที่ร้อนเพราะอาจได้รับอันตราย
ภาษิตฝรั่ง If you play with fire, you will get burn.

ลงเรือลำเดียวกัน
ความหมาย พวกเดียวกัน ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน
ภาษิตฝรั่ง In the same boat.

มืดแปดด้าน
ความหมาย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย นึกอะไรไม่ออก
ภาษิตฝรั่ง In the dark

อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
ความหมาย อย่าเลื่อนเวลาออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ภาษิตฝรั่ง Don't put off till tomorrow what should be done today.

เวลาและโอกาส

วันนี้ลองมาดูประโยคเกี่ยวกับเวลาและโอกาส
มาดูกันว่ามีประโยคเด็ดๆ ที่น่าสนใจอะไรบ้าง

เวลาเป็นเงินเป็นทอง
Time is money.
เวลาและสายน้ำไม่รอคอยใคร
Time and tide wait for no man.
มีเวลาสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
There is a time for all thing.
เวลาเป็นผู้เยียวยาที่วิเศษ
Time is a great physician.
เวลาย่อมนำทุกสิ่งทุกอย่างไป
Time brings every thing.
เวลาและการคิดคำนึงช่วยผ่อนคลาย
ความเศร้าอย่างรุนแรงลงไปได้
Time and thinking tame the strongest grief.
แล้วก็แล้วกันไป
Let bygones be bygones.
จงหากำไรอย่างรีบด่วนจากเวลานี้
Take all the swift advantage of the hours.
หนึ่งชั่วโมงแห่งความขมขื่นยาวนานเท่ากับ
หนึ่งวันแห่งความสุข
An hour of pain is as long as a day of pleasure.
อย่าผัดวันไปถึงพรุ่งนี้ในสิ่งที่ท่านทำได้ในวันนี้
Never put off till tomorrow what may be done today.
การผัดวันประกันพรุ่งเป็นขโมยแห่งเวลา
Procrastination is the thief of time.
ปล่อยปละละเลยจนสายเกินแก้
Past cure, past care.
จงศึกษาอดีตหากพอจะทำนายอนาคตได้
Study the past, if you would divine the future.
จงเตรียมพร้อมเสียวันนี้สำหรับภาระที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้
Prepare today for the needs of tomorrow.
เวลาเป็นของมีค่าแต่ความจริงมีค่ามากกว่าเวลา
Time is precious, but truth is more precious than time.
เวลาที่มือที่สุดย่อมมาก่อนเวลาที่สว่างสดใส
The darkest hour is before the dawn.
จงเลื่อนกำหนดเวลาที่เลวร้ายออกไป ให้นานเท่าที่จะทำได้
Put off the devil hours as long as you can.
วันที่ยาวนานย่อมมีการสิ้นสุด
The longest day must have an end.
มาสายยังดีกว่าไม่มาเสียเลย
Better late than never.
ไม่สายเกินที่จะแก้ไข
It is never too late to mend.
ไม่สายเกินที่จะกลับตัว
Never too late to turn.
อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด
What will be, will be.
ต่างวาระ ต่างนิสัย
Other times, other manners.
การซ่อมเสียทันเวลาย่อมประหยัดค่าใช้จ่าย
By timely mending saves much spending.
อย่าเสียเวลาในเรื่องเงินหรือสตรี
Dally not with money or women.
โอกาสดีสักครั้งย่อมมีผลต่อครั้งต่อไป
One good turn deserves another.
คริสต์มาสมีเพียงปีละครั้งเท่านั้น
Christmas comes but once a year.
สิ่งต่าง ๆ ย่อมเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
Circumstances alter cases.
อย่าข้ามสะพานจนกว่าถึงสะพานก่อน
(อย่าตีตนไปก่อนไข้)
Don’t cross the bridge till you get to it.
เวลาที่เสียไปแล้วจะเรียกคืนไม่ได้
Lost time is never found again.
ความมั่งคั่งนำมาซึ่งโอกาส
Wealth brings opportunity.
มันสายเกินไปที่จะมัวโศกเศร้าเมื่อโอกาสผ่านไปแล้ว
It is too late to grieve when the chance has already passed.
ชอบ - ไม่ชอบ บอกยังไงก็เขียนบอกให้รู้กันบ้างนะครับ

นิยามแห่งความรัก(2)

มีคนชอบและขอมา ครูเลยจัดให้อีกชุดหนึ่งครับ

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
นิยามของคำว่า "รัก"

-- DEFINITIONS OF LOVE 2.--
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
ความรักทำให้ตาบอด
Love is blind.

รักเป็นสิ่งรุ่งโรจน์ในหลายสถาน
Love is a many-splendored thing.

รักนั่นเองที่ทำให้โลกอลเวง
It’s love that makes the world go round.

ทุกคนจะเป็นกวีเมื่อตกอยู่ในห้วงรัก
Every man is a poet when he is in love.

รักนั้นหาคำอธิบายไม่ได้
Love is indefinable.

รักคือค่าที่แท้จริงของรัก
Love is the true price of love.

ความรักและภาษารักปกปิดไม่ได้
Love and cough cannot hide.

รักนำมาซึ่งรัก
Love begets love.

ความรักเป็นเพียงความอ่อนแอของจิตใจ
Love’s but the fragility of the mind.

ดวงตาคือสื่อของความรัก (ในยามรัก แม้ตาก็พูดกันได้)
Love’s tongue is in his eyes.

ความรักไม่ใช่ดูกันด้วยตา แต่ด้วยใจ
Love looks not with the eye, but with the mind.

การจากกันทำให้รักซาบซึ้ง การอยู่ด้วยกันทำให้รักมั่นคง
Absence sharpens love, presence strengthens it.

การจากกันทำให้หัวใจเปี่ยมด้วยความเสน่หายิ่งขึ้น
Absence makes the heart grow fonder.

รักเร็ว จางเร็ว (รักง่าย หน่ายเร็ว)
Hot love is soon cold.

รักอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้ดาบ
ผูกมัดได้โดยไม่ต้องอาศัยเชือก
Love rules without sword, binds without cord.

รักจะยื่นยงอยู่ได้ชั่วนิรันดร ก็ด้วยอาศัยเวลา
Eternity is in love with the productions of time.

การพลัดพรากจากผู้เป็นที่รักนั้นร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย
Absence from whom we love is worse than death.

ความรักเป็นความสุขของคนโง่และเป็นความเขลาของคนฉลาด
Love is the wisdom of the fool and the folly of the wise.

ผู้ที่ไร้รักเสมือนไร้ชีวิต
He who has never loved has never lived.

การรักและมีคนรักคือความสุขทิ่ยิ่งใหญ่ของการมีชีวิตอยู่
To love and to be loved is the greatest happiness of existence.

รักชนะอุปสรรคทั้งมวล
Love conquers all.

รักฉันก็รักหมาฉันด้วย
Love me,love my dog.

อาการขั้นต้นของรักคือหมดสิ้นความสุขุม
The first sign of love is the loss of wisdom.

ความรักเหมือนทิวา ความชังเหมือนราตรี
Love is sunshine; hate is shadow.

To be beloved is above all bargains.
การมีรักย่อมอยู่เหนือการต่อรองใด ๆ

ความรักเหมือนโรคหัด เราทุกคนต้องเป็น
Love is like the measles we all have to go through it.

ความรักมั่นคงดุจความตาย ความหึงหวงทารุณเช่นหลุมฝังศพ
Love is strong as death; jealousy is cruel as grave.

ระหว่างอาหารกับความรัก อย่างแรกดีที่สุด
Of soup and love, the first is the best.

วิญญาณไม่ได้สิงสู่ในที่ที่มันควรอยู่
แต่มันจะอยู่ที่ที่ความรักสถิต
The soul is not where it lives,
but where is love.

ถ้าจะพูดเรื่องรักกันขอให้พูดกันค่อยๆ
Speak low if you speak love.

มิตรภาพมักจบลงด้วยความรัก
แต่ความรักไม่เคยจบลงด้วยมิตรภาพ
Friendship often ends in love;
but love in friendship never.

ความรักมีอยู่ในกระท่อมเช่นเดียวกับในราชสำนัก
Love lives in cottages as well as in courts.

ความรักทำให้คนกระชุ่มกระชวย สำหรับงานทั้งหลาย
Love makes one fit for any work.

รักย่อมมีทางออกของมัน
Love will find a way.

เขารักกันมากเกินไป เลยต้องตายเพราะรัก
They love too much that die for love.

รักฉันน้อย ๆ แต่รักฉันให้นาน ๆ
Love me little, love me long.

รักแท้ย่อมมีอุปสรรค
The course of true love never runs smooth.

ความรักมักคู่กับความหึงหวง
Love and jealousy are seldom separated.
 
แล้วความรักของคุณเป็นแบบไหน???
ลองตอบมาให้ดูบ้าง เขียนเป็นภาษาไทยก็ได้

วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ภาษาอังกฤษ: ประโยคปฏิเสธ4(T)

และแล้วพวกเราก็มาถึงตอนสุดท้ายแล้วนะครับ
ประโยคปฏิเสธ ตอนที 4
ประโยคมีคำกริยาเป็นช่องที่2  

คำสั่ง ข้อใดเป็นรูปประโยคปฏิเสธที่ถูกต้อง
ของประโยคที่กำหนดให้

1. I worked late last night.

   1) I did not work late last night.
   2) I don' t work late last night.
   3) I does not work late last night.
เฉลยข้อ1,2
ประโยคของโจทย์ แปลว่า ฉันทำงานจนดึกเมื่อคืนก่อน
เป็นประโยคที่มีแต่กริยาแท้ คือ worked = ทำงาน
และเป็น Past Simple tense
ดังนั้น จะเปลี่ยนประโยคปฏิเสธโดยการเติม
did not หรือ didn't หลังประธานทุกตัว
และต้องเปลี่ยนกริยาแท้เป็นรูปช่องที่ 1
   work   worked   worked
คำศัพท์ที่ควรรู้
late = ช้ากว่าปกติ, สาย
last night = เมื่อคืนก่อน

2. He built the house for my dog.
   1) He did not build the house for my dog.
   2) He doesn't build the house for my dog.
   3) He didn't built the house for my dog.
เฉลยข้อ1,3
ประโยคของโจทย์ แปลว่า เขาสร้างบ้านให้สุนัขของฉัน
เป็นประโยคที่มีแต่กริยาแท้ คือ built = สร้าง
และเป็น Past Simple tense
ดังนั้น จะเปลี่ยนประโยคปฏิเสธโดยการเติม
did not หรือ didn't หลังประธานทุกตัว
และต้องเปลี่ยนกริยาแท้เป็นรูปช่องที่ 1
  build   built   built

3. We helped him to move a heavy box.
   1) We did not help him to move a heavy box.
   2) We do not him to move a heavy box.
   3) We didn't help him to move a heavy box.
เฉลยข้อ1,3
ประโยคของโจทย์ แปลว่า พวกเราช่วยเขาย้ายกล่องที่หนัก
เป็นประโยคที่มีแต่กริยาแท้ คือ helped = สร้าง
และเป็น Past Simple tense
ดังนั้น จะเปลี่ยนประโยคปฏิเสธโดยการเติม
did not หรือ didn't หลังประธานทุกตัว
และต้องเปลี่ยนกริยาแท้เป็นรูปช่องที่ 1
   help   helped   helped
คำศัพท์อื่น
move = ย้าย
heavy = หนัก
box = กล่อง

4. I saw her father at the park yesterday.
   1) I did not see her father at the park yesterday.
   2) I does not sed her father at the park yesterday.
   3) I didn't saw her father at the park yesterday.
เฉลยข้อ1
ประโยคของโจทย์ แปลว่า ฉันเห็นพ่อของเธอที่สวนเมื่อวานนี้
เป็นประโยคที่มีแต่กริยาแท้ คือ saw = เห็น
และเป็น Past Simple tense
ดังนั้น จะเปลี่ยนประโยคปฏิเสธโดยการเติม
did not หรือ didn't หลังประธานทุกตัว
และต้องเปลี่ยนกริยาแท้เป็นรูปช่องที่ 1
   see   saw   seen

5. A dog ran across the road.
   1) A dog did not ran across the road.
   2) A dog doesn't ran across the road.
   3) A dog did not run across the road.
เฉลยข้อ3
ประโยคของโจทย์ แปลว่า สุนัขวิ่งข้ามถนน
เป็นประโยคที่มีแต่กริยาแท้ คือ ran = วิ่ง
และเป็น Past Simple tense
ดังนั้น จะเปลี่ยนประโยคปฏิเสธโดยการเติม
did not หรือ didn't หลังประธานทุกตัว
และต้องเปลี่ยนกริยาแท้เป็นรูปช่องที่ 1
  run   ran  run
คำศัพท์อื่น
across = ข้าม
road = ถนน

6) My mother gave me the tissue paper.
   1) My mother did not gave me the tissue paper.
   2) My mother didn't give me the tissue paper.
   3) My mother doesn't give me the tissue paper.
เฉลยข้อ3
ประโยคของโจทย์ แปลว่า แม่ของฉันให้กระดาษชำระกับฉัน
เป็นประโยคที่มีแต่กริยาแท้ คือ gave = ให้
และเป็น Past Simple tense
ดังนั้น จะเปลี่ยนประโยคปฏิเสธโดยการเติม
did not หรือ didn't หลังประธานทุกตัว
และต้องเปลี่ยนกริยาแท้เป็นรูปช่องที่ 1
  give   gave   given
คำศัพท์อื่น
tissue = เนื้อเยื้อ
paper = กระดาษ
tissue paper = กระดาษชำระ

ภาษาอังกฤษ: ประโยคปฏิเสธ3(T)

ประโยคปฏิเสธ

ประโยคบอกเล่าที่มีกริยาแท้ช่องที่ 1

คำสั่ง ข้อใดเป็นรูปประโยคปฏิเสธที่ถูกต้อง
ของประโยคที่กำหนดให้

1. He talks to someone in the office.
   1) He does not talk to someone in the office.
   2) He doesn't talk to someone in the office.
   3) He do not talk to someone in the office.
เฉลยข้อ1,2
ประโยคของโจทย์ แปลว่า เขาคุยกับใครบางคนในห้องทำงาน
เป็นประโยคที่มีแต่กริยาแท้คือ talks = คุย
และเป็น Present Simple tense
ดังนั้น จะเปลี่ยนประโยคปฏิเสธโดยการเติม
does not หรือ doesn't หลังประธานเอกพจน์
do not หรือ don't หลังประธานพหูพจน์
และกริยาแท้ที่ตามมาไม่ต้องเติม -s, -es อีก

2. I ask some questions to my mother.
   1) I don't ask some questions to my mother.
   2) I does not ask some questions to my mother.
   3) I doesn't ask some questions to my mother.
เฉลยข้อ1,2
ประโยคของโจทย์ แปลว่า ฉันถามแม่ของฉัน 2-3 คำถาม
เป็นประโยคที่มีแต่กริยาแท้ คือ ask = ถาม
และเป็น Present Simple tense
ดังนั้น จะเปลี่ยนประโยคปฏิเสธโดยการเติม
does not หรือ doesn't หลังประธานเอกพจน์
do not หรือ don't หลังประธานพหูพจน์
และกริยาแท้ที่ตามมาไม่ต้องเติม -s, -es อีก

3. We read many books in a libraly.
   1) We do not read many books in a library.
   2) We does not read many books in a libraly.
   3) We don't read many books in a libraly.
เฉลยข้อ1, 3
ประโยคของโจทย์ แปลว่า
     พวกเราอ่านหนังสือหลายเล่มในห้องสมุด
เป็นประโยคที่มีแต่กริยาแท้ คือ read = อ่าน
และเป็น Present Simple tense
ดังนั้น จะเปลี่ยนประโยคปฏิเสธโดยการเติม
does not หรือ doesn't หลังประธานเอกพจน์
do not หรือ don't หลังประธานพหูพจน์
และกริยาแท้ที่ตามมาไม่ต้องเติม -s, -es อีก

คำศัพท์ที่ควรรู้
many = มากมาย (ในกับคำนามนับได้พหูพจน์)
library = ห้องสมุด

4. Sunee washes her car every weekend.
   1) Sunee doesn't wash her car every weekend.
   2) Sunee don't wash her car every weekend.
   3) Sunee does not washes her car every weekend.
เฉลยข้อ1
ประโยคของโจทย์ แปลว่า
      สุนีล้างรถของเธอทุกๆวันสุดสัปดาห์
เป็นประโยคที่มีแต่กริยาแท้ คือ washes = ล้าง
และเป็น Present Simple tense
ดังนั้น จะเปลี่ยนประโยคปฏิเสธโดยการเติม
does not หรือ doesn't หลังประธานเอกพจน์
do not หรือ don't หลังประธานพหูพจน์
และกริยาแท้ที่ตามมาไม่ต้องเติม -s, -es อีก

คำศัพท์ที่ควรรู้
every = ทุกๆ
weekend = วันสุดสัปดาห์

5. He and I sing many songs together.
    1) He and I do not sing many songs together.
    2) He and I don't sing many songs together.
    3) He and I did not sing many songs together.

เฉลยข้อ1, 2
ประโยคของโจทย์ แปลว่า
      เขาและฉันร้องเพลงหลายเพลงด้วยกัน
เป็นประโยคที่มีแต่กริยาแท้ คือ sing = ร้องเพลง
และเป็น Present Simple tense
ดังนั้น จะเปลี่ยนประโยคปฏิเสธโดยการเติม
does not หรือ doesn't หลังประธานเอกพจน์
do not หรือ don't หลังประธานพหูพจน์
และกริยาแท้ที่ตามมาไม่ต้องเติม -s, -es อีก

คำศัพท์ที่ควรรู้
sing = ร้องเพลง, ขับร้อง
song = เพลง

<><><><><><><><><><><><><><><><>
<> เหนื่อยนักก็พักก่อนเพราะยังเหลืออีกภาค<>
<><><><><><><><><><><><><><><><>

ภาษาอังกฤษ: ประโยตปฏิเสธ2(T)

ประโยคปฏิเสธ ตอนที่2
ประโยคบอกเล่าแบบที่มีคำกริยาช่วยในประโยค

คำสั่ง ข้อใดเป็นรูปประโยคปฏิเสธที่ถูกต้องของประโยคที่กำหนดให้
1. I will go to school by bus.
 1) I will not go to school by bus.
 2) I won't go to school by bus.
 3) I not will go to school by bus.
เฉลยข้อ1,2
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นปฏิเสธทำได้โดย
การเติม not ไว้หลังคำกริยาช่วยหรือ Verb to be
ประโยคของโจทย์ แปลว่า ฉันจะไปโรงเรียนโดยรถประจำทาง
มีคำกริยาช่วย คือ will = จะ
มีรูปปฏิเสธคือ will not หรือ won't

2. You should drink a cup of coffee.
   1) You should not drink a cup of coffee.
   2) You shouldn't drink a cup of coffee.
   3) You should not drank a cup of coffee.
เฉลยข้อ1,2
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นปฏิเสธทำได้โดย
การเติม not ไว้หลังคำกริยาช่วยหรือ Verb to be
ประโยคของโจทย์ แปลว่า คุณควรดื่มกาแฟสัก 1 ถ้วย
มีคำกริยาช่วย คือ should = ควร
มีรูปปฏิเสธคือ should not หรือ shouldn't

เพิ่มเติม
คำกริยาแท้ที่ตามหลังคำกริยาช่วยต้องเป็น
กริยาช่องที่ 1(v1) เท่านั้น
   drive drove driven = ขับ, ขับเคลื่อน

3. He can speak English and chinese.
   1) He not speak English and chinese.
   2) He cannot speak English and chinese.
   3) He can't speak English and chinese.

เฉลยข้อ2,3
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นปฏิเสธทำได้โดย
การเติม not ไว้หลังคำกริยาช่วยหรือ Verb to be
ประโยคของโจทย์ แปลว่า
      เราสามารถพูดภาษาอังกฤษและภาษาจีนได้
มีคำกริยาช่วย คือ can = สามารถ
มีรูปปฏิเสธคือ cannot หรือ can't

4. Tomorrow we have to get up early.
   1) Tomorrow we have not to get up early.
   2) Tomorrow we haven't to get up early.
   3) Tomorrow we has not to get up early.
เฉลยข้อ1,2
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นปฏิเสธทำได้โดย
การเติม not ไว้หลังคำกริยาช่วยหรือ Verb to be
ประโยคของโจทย์ แปลว่า พรุ่งนี้พวกเราต้องตื่นแต่เช้า
มีคำกริยาช่วย คือ have to = ต้อง
มีรูปปฏิเสธคือ have not to หรือ haven't to (ไม่ต้อง)

เพิ่มเติม
ประธานเอกพจน์ ใช้ ้has to
ประธานพหูพจน์ ใช้ ้have to

5. He must go to see a doctor.
1) He must not go to see a doctor.
2) He mustn't go to see a doctor.
3) He must not went to see a doctor.
เฉลยข้อ1,2
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นปฏิเสธทำได้โดย
การเติม not ไว้หลังคำกริยาช่วยหรือ Verb to be
ประโยคของโจทย์ แปลว่า เขาต้องไปหาหมอ
มีคำกริยาช่วย คือ must = ต้อง
มีรูปปฏิเสธคือ must not หรือ mustn't (ต้องไม่)
เพิ่มเติม
   go   went   gone = ไป

****  ย้งมต้องภาค 3 นะครับ  ****

ภาษาอังกฤษ: ประโยคปฏิเสธ1(T)

ประโยคปฏิเสธ ตอนที่1
 ประโยคบอกเล่ามี verb to be ในประโยค

คำสั่ง ข้อใดเป็นรูปประโยคปฏิเสธที่ถูกต้อง
ของประโยคที่กำหนดให้

1. He is a teaher.
   1) She is a teaher.
   2) He is not a teacher.
   3) He isn't a teaher.
เฉลยข้อ2, 3
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นปฏิเสธทำได้โดย
การเติม not ไว้หลังคำกริยาช่วยหรือ Verb to be
ประโยคของโจทย์ แปลว่า เขาเป็นครู
มีคำกริยา คือ is เป็น Verb to be
มีรูปปฏิเสธคือ is not หรือ isn't

2. She is a cashier.
   1) She is not a cashier.
   2) She is not a nurse.
   3) She isn't a cashier.
เฉลยข้อ1, 3
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นปฏิเสธทำได้โดย
การเติม not ไว้หลังคำกริยาช่วยหรือ Verb to be
ประโยคของโจทย์ แปลว่า เธอเป็นพนักงานเก็บเงิน
มีคำกริยา คือ is เป็น Verb to be
มีรูปปฏิเสธคือ is not หรือ isn't

3. They are my sons.
   1) They are not my sons.
   2) They aren't my sons.
   3) They is not my sons.
เฉลยข้อ1, 2
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นปฏิเสธทำได้โดย
การเติม not ไว้หลังคำกริยาช่วยหรือ Verb to be
ประโยคของโจทย์ แปลว่า พวกเขาเป็นลูกของฉัน
มีคำกริยา คือ are เป็น Verb to be
มีรูปปฏิเสธคือ are not หรือ aren't

4. That old man is my uncle.
   1) That old man is not my uncle.
   2) That old man are not my uncle.
   3) That old man aren't my uncle.
เฉลยข้อ1
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นปฏิเสธทำได้โดย
การเติม not ไว้หลังคำกริยาช่วยหรือ Verb to be
ประโยคของโจทย์ แปลว่า ชายแก่คนนั้นเป็นลุงของฉัน
มีคำกริยา คือ is เป็น Verb to be
มีรูปปฏิเสธคือ is not หรือ isn't

5. We are in the room.
    1) We isn't in the room.
    2) We aren't in the room.
    3) We is in the room.
เฉลยข้อ2
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นปฏิเสธทำได้โดย
การเติม not ไว้หลังคำกริยาช่วยหรือ Verb to be
ประโยคของโจทย์ แปลว่า พวกเราอยู่ในห้อง
มีคำกริยา คือ are เป็น Verb to be
มีรูปปฏิเสธคือ are not หรือ aren't

6. Yesterday was Thursday.
    1) Yesterday was not Thursday.
    2) Yesterday wasn't Thursday.
    3) Yesterday were Thursday.
เฉลยข้อ1,2
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นปฏิเสธทำได้โดย
การเติม not ไว้หลังคำกริยาช่วยหรือ Verb to be
ประโยคของโจทย์ แปลว่า เมื่อวานเป็นวันพฤหัสบดี
มีคำกริยา คือ was เป็น Verb to be
และเป็น กริยาช่องที่ 2 ของ is
มีรูปปฏิเสธคือ is not หรือ isn't

7. They were sleeping.
   1) They were not sleeping
   2) They was not sleeping
   3) They weren't sleeping
เฉลยข้อ1,3
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นปฏิเสธทำได้โดย
การเติม not ไว้หลังคำกริยาช่วยหรือ Verb to be
ประโยคของโจทย์ แปลว่า พวกเขากำลังนอนหลับ(เป็นอดีต)
มีคำกริยา คือ were เป็น Verb to be
และเป็น กริยาช่องที่ 2 ของ are
มีรูปปฏิเสธคือ were not หรือ weren't

ภาษาอังกฤษ: การใช้ has/have(T)

1)  I ____ a big house.
1) have   2) has   3) have to  4) has to
เฉลยข้อที่1
ประโยคนี้แปลว่า ฉันมีบ้านหลังใหญ่(อยู่หลังหนึ่ง)
have = มี, กิน (ใช้กับประธานพหูจน์และ I)
has = มี, กิน (ใช้กับประธานเอกพจน์)
have to = ต้อง (ใช้กับประธานเอกพจน์และ I)
has to = ต้อง(ใช้กับประธานเอกพจน์)
หมายเหตุ โดยปกติถ้าไม่มีคำที่ใช้ บอกเวลาใดๆ
ให้ถือว่าประโยคนั้นเป็นปัจจุบัน
 
2)  He ___ three computers in his room.
1) have    2) has    3) have to     4) has to

เฉลยข้อที่2
ประโยคนี้แปลว่า เขามีคอมพิวเตอร์ 3 เครื่องในห้องของเขา
have = มี, กิน (ใช้กับประธานพหูจน์และ I)
has = มี, กิน (ใช้กับประธานเอกพจน์)
have to = ต้อง (ใช้กับประธานเอกพจน์และ I)
has to = ต้อง(ใช้กับประธานเอกพจน์)

3.  She ___ a lot of friends.
1) have  2) has   3) had   4) There is

เฉลยข้อที่2
ประโยคนี้แปลว่า เธอมีเพื่อนมากมาย
have = มี, กิน (ใช้กับประธานพหูจน์และ I)
has = มี, กิน (ใช้กับประธานเอกพจน์)
had = มี (เป็นกริยาช่อง2 ของ have, has ใช้กับประธานทุกตัว )
There is = มี (ใช้เป็นขึ้นต้นประโยค)

4. Usually we ___ lunch together.
1) have   2) has   3) had   4) There is

เฉลยข้อที่1
ประโยคนี้แปลว่า โดยปกติพวกเราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน
have = มี, กิน (ใช้กับประธานพหูจน์และ I)
has = มี, กิน (ใช้กับประธานเอกพจน์)
had = มี ใช้กับประธานทุกตัว
     has/have  had   had
There are = มี (ใช้เป็นขึ้นต้นประโยค)
คำศัทพ์อื่นๆ
together = ร่วมกัน, ด้วยกัน
หมายเหตุ Usually = โดยปกติ
เป็นคำกริยาวิเศษณ์(Adv.)บอกความถี่
สามารถนำมาข้อต้องประโยคได้

5. I ___ dinner at home last week.
1) have  2) has   3) had    4) did

เฉลยข้อที่3
ประโยคนี้แปลว่า ฉันทานข้านกับครอบครัวสัปดาห์ก่อน
คำว่า last week = สัปดาห์ก่อน
ทำรู้ว่าเป็นเหตุการณ์ในอดีต
had = มี ใช้กับประธานทุกตัว
      has/have   had   had

did = ทำ ใช้กับประธานทุกตัว
     do, does   did   done
คำศัทพ์อื่นๆ
at home = ที่บ้าน, กับครอบครัว

6.  Yesterday John ___ many things to do.
1) walked   2) played   3) had    4) worked
เฉลยข้อที่3
ประโยคนี้แปลว่า เมื่อวานนี้จอห์นมีงานหลายอย่างต้องทำ
คำว่า Yesterday = เมื่อวานนี้
ทำรู้ว่าเป็นเหตุการณ์ในอดีต
walked = เดิน ใช้กับประธานทุกตัว
    walk  walked  walked
played = เล่น  ใช้กับประธานทุกตัว
    play  played  played
had = มี, ทาน ใช้กับประธานทุกตัว
worked = ทำงาน ใช้กับประธานทุกตัว
    work  worked  worked
คำศัทพ์อื่นๆ
many = มาก
thing = สิ่งต่างๆ
หมายเหตุ
John เป็นชื่อเฉพาะต้องขึ้นด้วยอักษรตัวใหญ่เสมอ
กริยาช่อง2 โดยทั่วไปจะใช้ได้ประธานทุกตัว ยกเว้น
was = เป็น, อยู่, คือ (ใช้กับประธานเอกพจน์)
were = เป็น, อยู่, คือ (ใช้กับประธานพหูพจน์)

7. My friends _____ 2 cars.
1) have   2) has   3) eat   4) must
เฉลยข้อที่1
ประโยคนี้แปลว่า เพื่อนฉันหลายคนมีรถ 2 คัน
ในข้อนี้ friends เป็นรูปพหูพจน์ของ friend
คำศัทพ์อื่นๆ
many = มาก
thing = สิ่งต่างๆ
eat = กิน, ทาน
must = ต้อง (เป็นกริยาช่วย)
เพิ่มเติม
คำนามที่นับได้เมื่อเป็นพหูพจน์ต้องมี
การเปลี่ยนรูป โดยการ
เติม -s เช่น
chair --> chairs = เก้าอี้
boy --> boys = เด็กผู้ชาย
girl --> girls = เด็กผู้หญิง
book --> books = หนังสือ
เติม -es เช่น
watch --> watches = นาฬิกา
dish --> dishes = จาน
class -->classes = ห้องเรียน
tax --> taxes = ภาษี
potato = potatoes = มันฝรั่ง

เปลี่ยน f, fe เป็น v แล้วเติม -es
wife --> wives = ภรรยา
knife --> knives = มีด
half --> halves = ครึ่ง
thief --> thieves = ขโยม

มีการเปลี่ยนรูปไปเลย
child --> children = เด็กๆ
man --> men = ผู้ชาย
tooth --> teeth = ฟัน
mouse --> mice = หนู

ส่วนคำนามที่นับไม่ได้จะมีแต่รูปเอกพจน์
gold = ทอง         water = น้ำ
air = อากาศ        oil = น้ำมัน
gas = ก็าซ            rice = ข้าว
love = ความรัก    anger = ความโกรธ

ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://kruteeworld.siamvip.com/
มีเนื้อหาให้อ่านและมีใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ

วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

<:P ถึงนักเรียนทุกคน <;P

ช่วงนี้เป็นช่วงปีใหม่ ครูมีคำอวยพรมาฝากให้นักเรียนทุกคน
คือ ขอให้ทุกคนมีสติ, ความตั้งใจและความพยายามที่ได้ดี
คิดจะทำอะไรที่ดีขอให้สำเร็จ อะไรทีไม่ดีขอให้ทำไม่สำเร็จ
และช่วยกัน ลด-ละ-เลิก ก็แล้วกันนะครับ

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมครูถึง อวยพร แบบนี้
คำตอบคือ คนทั้งประเทศเขาขอพรจากสิ่งศักดิ์กันหมด
พวกท่านคงมีงานมากแล้วดูแลได้ไม่ทั่วถึง กว่าจะมาถึง
คิวพวกเราอาจจะไม่ทันรับประทาน สู้เราดูแลตัวเองไม่ได้

ยังมีคนถามมาว่า แล้วปีใหม่ครูไปเที่ยวที่ไหน???
คำตอบ ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ตั้งใจว่า
จะทำงานหาเนื้อหาดีๆ มาให้พวกคุณอ่านกัน

สวัสดีปีใหม่ครับทุกคน

คณิตศาสตร์: โจทย์เกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยม(T)

ตอนนี้มาเจอกับโจทย์ของจริงกันนะครับ
ไม่อยาก ที่สำคัญคือ อ่านโจทย์แล้วต้อง
นึกภาพตามภาพให้ได้  พร้อมแล้วมาลุยกัน...!!!

1) วัดความยาวแต่ละด้านของรูปสามเหลี่ยมได้
     6, 4, 7 เซนติเมตร จงหาความยาวรอบรูป
ทำ ความยาวรอบรูปสามเหลี่ยม
      = ผลบวกของความยาวในละด้าน
      = 6 + 4 +7
      = 17 ซม.
ความยาวรอบรูปคือ 17 ซม.
:P:P:P:P:P

2) รูปสามเหลี่ยมด้านเท่ารูปหนึ่ง วัดความยาวรอบรูป
    ได้ 63 ซม. แต่ละด้านจะยาวเท่าใด
แนวคิด แต่ละด้านของรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าจะยาวเท่ากัน
ทำ  ให้ด้านของรูปสามเหลี่ยมยาวด้านละ a หน่วย
จะได้   a + a + a = 63
                     3a = 63
                       a = 63/3  (อ่านว่า 63 หาร 3)
                       a = 21 ซม.
ความยาวแต่ละด้าน คือ  21ซม.
:P:P:P:P:P
 3) รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีฐานยาว 7 ซม.
    วัดความยาวรอบรูปได้ 31 ซม.
    ด้านที่เหลือยาวด้านละกี่เซนติเมตร
แนวคิด รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วมีด้านประกอบมุมยอด
            ยาวเท่ากัน
ทำ ให้ด้านประกอบมุมยอดยาว a ซม.
จะได้    a + a + 7 = 31
                2a + 7 = 31
                      2a = 31 – 7
                      2a = 24
                        a = 24/2
                        a = 12
ด้านที่เหลือหรือด้านประกอบมุมยอดยาว 12 ซม.
:P:P:P:P:P

4) ให้ 2a, a + 3, a – 1 เป็นความยาวด้านของ
    รูปสามเหลี่ยมที่วัดความยาวรอบรูปได้ 22 ซม.
    จงหาแต่ละด้าน
ทำ  2a + (a + 3) + (a – 1) = 22
            2a + a + 3 + a – 1 = 22
                              4a + 2 = 22
                                    4a = 22 – 2
                                    4a = 20
                                      a = 20/4
                                      a = 5
ด้านที่ 1 ยาว 2a = 2×5 = 10     ซม.
ด้านที่ 2 ยาว a + 3 = 5 + 3 = 8 ซม.
ด้านที่ 3 ยาว a – 1 = 5 – 1 = 4 ซม.

:P:P:P:P:P

คณิตศาสตร์: รูปสามเหลี่ยม

วันนี้มาดูรูปธรรมดาที่ไม่ธรรมกัน คือ รูปสามเหลี่ยม
รูปสามเหลี่ยมคือรูปปิดที่มีสามด้านและสามมุม
โดยปกติก็ 5 รูปแบบ

เป็นรูปที่ทุกด้านยาวเท่ากันและ
ทุกมุมมีขนาดเท่ากันคือ 60 องศา

เป็นรูปที่ 2 ด้านเท่ากัน เรียกว่า ด้านประกอบมุมยอด
และมุมที่ฐานเท่ากันมีขนาดเท่ากัน



เป็นรูปที่มีมุมๆหนึ่งเป็นมุมฉาก
หรือ มีขนาด 90 องศา ปกติเราจะรู้ได้จาก
มีรูปสี่เหลี่ยมเล็กๆ ซึ่งแทนคำว่า มุมฉาก


 เป็นรูปที่มีมุมหนึ่งเป็นมุมป้าน



เป็นรูปที่ทุกมุมเป็นมุมแหลมที่มีขนาดไม่เท่ากัน
หรือ เรียกว่าสามเหลี่ยมใดๆก็ได้

สูตรที่เกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมควรรู้

a, b, c แทนความยาวด้านทั้ง 3 ของรูปสามเหลี่ยม


โปรดสังเกตว่า ความสูงจะต้องเป็นส่วนที่ตั้งฉากกับฐานเสมอ
แล้วพบกับของจริงในตอนหน้า ครับ...!!!

ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://kruteeworld.siamvip.com/

มีเนื้อหาให้อ่านและมีใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ

คณิตศาสตร์: โจทย์สมการ(T)

ตอนนี้เป็นโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการ
แต่ครูต้องบอกก่อนว่า หัวใจของการทำโจยท์
สมการ คือ เมื่ออ่านโจทย์แล้วต้องหาจุดที่จะจับ
ตัวเลขมาเท่ากันให้ได้ และเมื่อได้ค่าของ
ตัวแปรแล้วต้องกลับไปอ่านคำถามว่าต้องการ
อะไรอีกครั้ง จึงจะได้คำตอบที่ถูกต้อง
ส่วนขั้นตอนการแก้สมการ ทำอย่างไรก็ได้
ขอให้ทุกวิธี ถือว่าใช้ได้
1) จำนวน 2 จำนวนเรียงกันและมีผลบวกเท่ากับ 31
จงหาจำนวนทั้ง 2 จำนวนนี้
แนวคิด จำนวนที่เรียงกัน เช่น 3, 4 หรือ 10, 11
            ซึ่งจะมีค่ามากขึ้นครั้งละ 1 เสมอ
ทำ ให้จำนวนแรกคือ x
      จำนวนถัดมาคือ x + 1
จะได้สมการ
 x + x +1 = 31
     2x +1 = 30
          2x = 30 - 1
          2x = 30
            x = 30/2   (อ่านว่า 30 หาร 2)
            x = 15
  จำนวนแรกคือ x = 15
  จำนวนถัดมาคือ x + 1 = 15 + 1 = 16


2) จำนวนคู่ 3 ตัวที่เรียงติดกันและมีผลบวกเท่ากับ 36
    จงหาจำนวนหาจำนวนที่อยู่ตรงกลาง
แนวคิด จำนวนคู่ที่เรียงติดกัน เช่น 2, 4, 6
             ซึ่งจะมีค่าเพิ่มขึ้นครั้งละ 2
ทำ ใหัจำนวนคือ x จำนวนที่ 2 คือ x + 2
      จำนวนที่ 3 คือ (x + 2) + 2 = x+4
จะได้สมการ
x + (x +2) + (x +4) = 36
     x + x +2 + x +4 = 36
                    3x + 6 = 36
                          3x = 36 - 6
                          3x = 30
                            x = 30/3 (อ่านว่า 30 หาร 3)
                            x = 10
ดังนั้นจำนวนที่อยู่ตรงกลางคือ
        x + 2 = 10 + 2 = 12


3) ฝนมีธนบัตรใบละ 20 และ 50 บาทรวมกัน 18 ใบ
    รวมเป็นเงิน 540 บาทอยากทราบว่าฝนมีธนบัตร
    อยู่อย่างละกี่ใบ
แนวคิด โจทย์ข้อนี้สิ่งที่เท่ากัน คือ จำนวนเงิน
ทำ ให้ฝนมีธนบัตรใบละ 20 อยู่ x ใบ
      เป็นเงิน 20x บาท
      ฝนจะมีธนบัตรใบละ 50อยู่ 18 - x ใบ
      เป็นเงิน 50(18 - x) บาท
จะได้สมการ
 20x + 50(18 - x) = 540
  20x + 900 - 50x = 540
          -30x + 900 = 540
                    -30x = 540 - 900
                    -30x = -360
                         x = -360 / -30
                         x = 12
ฝนมีธนบัตรใบละ 20อยู่ x = 12 ใบ
ฝนมีธนบัตรใบละ 50อยู่ 18 - 12 = 6 ใบ


4) พ่อเลี้ยงหมูกับไก่รวมกัน 14 ตัว ลูกจอมชน
    ลองนับขาหมูและไก่ได้รวมกัน 40 ขา
    พ่อเลี้ยงหมูและไก่ อย่างละกี่ตัว
แนวคิด หมู 1 ตัว มี 4 ขา 
            ไก่ 1 ตัว มี 2 ขา
ทำ สมมุติให้มีหมู x ตัวและมีขา 4x ขา
     จะมีไก่ 14 - x ตัวและมีขา 2(14 - x) ขา
จะได้สมการ
4x + 2(14 - x) = 40
    4x +28 - 2x = 40
          2x + 28 = 40
                  2x = 40 - 28
                  2x = 12
                              x = 12/2
                    x = 6
มีหมู 6 ตัว
มีไก่ 14 - x = 14 - 6 = 8 ตัว 


5) สามเท่าของจำนวนหนึ่งกับ 5 เมื่อ รวมกับ
    2เท่าของจำนวนเดิมลบ 1 แล้วได้ 44
    จงหาจำนวนนั้น
ทำ ให้จำนวนนั้นคือ x
สามเท่าของจำนวนหนึ่งกับ 5 = 3x + 5
และ 2เท่าของจำนวนเดิมลบ 1 = 2x - 1
จะได้สมการ
(3x + 5) + (2x - 1) = 44
     3x + 5 + 2x - 1 = 44
                   5x + 4 = 44
                          5x = 40 - 4
                          5x = 40
                            x = 40/5
                            x = 8
จำนวนนั้นคือ 8

คณิตศาสตร์: โจทย์เศษส่วน(T)

ลองมาดูโจทย์ปัญหาเศษส่วนกันบ้างนะครับ







ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://www.kruteeworld.com/
มีเนื้อหาให้อ่านและมีใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ

วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คณิตศาสตร์: โจทย์เศษส่วน1(T)

เรียนรู้พื้นฐานของเศษส่วนมาพอสมควรแล้ว
ตอนนี้มาเจอกับของจริงดีกว่า แต่ตรงนี้ครูแสดงวิธีทำ
แบบลัดขั้นตอนบางส่วน ขอให้คุณลองคิดตามไปด้วย
และสังเกตลักษณะของโจทย์ให้ดีนะ เพราะแค่เครื่องหมาย
เปลี่ยนวิธีทำการเปลี่ยนแล้ว






คณิตศาสตร์: เศษส่วน2 (ปรับปรุง)

ตอนนี้จะเป็นเศษส่วนในภาคคำนวณ
ขอให้ค่อยๆ อ่านและคิดตามไปด้วย นะครับ

การบวกเศษส่วน
วิธีคิด ถ้าตัวส่วนที่อยู่ด้านเท่ากันแล้วให้เอา
           ตัวเศษที่อยู่ด้านบนมาบวกกันได้เลย
และ ถ้าคำตอบที่ได้เป็นเศษเกินก็ให้เปลี่ยนเป็นจำนวนคณะ


การเปลี่ยนเศษเกินให้เป็นจำนวนคละ เช่น

ข้อที่4    6 หารด้วย 5 ได้ 1 ครั้ง เหลือเศษ 1
ข้อที่6  17 หารด้วย 5 ได้ 3 ครั้ง เหลือเศษ 2

การบวกเศษส่วนแบบตัวส่วนไม่เท่ากัน
วิธีคิด หาครน. แล้วนำไปคูณ เพื่อปรับให้ต้วส่วนเท่ากันก่อน
           แล้วบวก - ลบตามปกติ


การลบเศษส่วน



การคูณเศษส่วน(แบบคูณเลย)
วิธีคิด ให้นำตัวเศษคูณตัว และ ตัวส่วนคูณตัวส่วน
และ ถ้ามีจำนวนคละต้องเปลี่ยนจำนวนคละเป็นเศษเกินก่อน



การคูณเศษส่วน (แบบที่ตัดทอนก่อนได้จะดีกว่า)
วิธีคิด หาต้วเลขที่สามารถหารทั้งต้วเศษและตัวส่วนได้พร้อมกัน
         (ที่ละคู่) ขีดทับเลขเก่าแล้วเขียนผลหารที่ได้ไว้ด้านบนหรือ
         ด้านล่าง หมดแล้วคูณตามปกติ    ดูตัวอย่างดีกว่า



การหารเศษส่วน
วิธีคิด 1) เปลี่ยนเครื่องหมายหารเป็นคูณก่อน
           2) นำต้วหารมาสลับเศษส่วนกันแล้วคูณเศษส่วนตามปกติ



****
ตัวอย่างเพิ่มเติมมาให้ดูกัน อีกหน่อยจะได้เข้าใจง่ายขึ้น
การหารเศษส่วน




การหารจำนวนคละ
วิธีคิด เปลี่ยนจำนวนคละเป็นเศษเกินก่อน
           แล้วใช้วิธีของการคูณศษส่วนต่อไป




โจทย์แบบผสมเครื่องหมาย
วิธีคิด ให้คิดที่เครื่องหมายคูณ - หาร ก่อนเครื่องหมายบวก - ลบ



โจทย์แบบมีวงเล็บ
วิธีคิด ให้คิดเศษส่วนที่อยู่ในวงเล็บก่อน

ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://kruteeworld.siamvip.com/
มีเนื้อหาให้อ่านและมีใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ
* * * * *

คณิตศาสตร์: เศษส่วน1

สัปดาห์ที่ผ่านมาครูสอนเรื่องเศษส่วนไปบางแล้ว
ก็ลองมาอ่านอีกทีแบบสรุปสั้นๆ กันนะครับ
เศษส่วน คือ จำนวนแบบหนึ่งที่ไม่เต็มหน่วย
แต่เขียนในรูปของการหารของจำนวนเต็ม 2 ตัว
ตัวที่อยู่ด้วยบนเรียกว่า ตัวเศษ และตัวที่อยู่ด้านล่าง
เรียกว่า ตัวเศษ เลยเรียกแบบรวมว่า เศษส่วน

มาดูภาพประกอบกัน

จากภาพ สมมุติว่า ใน 1 กล่องมีเก็บดาวได้ 4 ดวง ดังนั้น
รูปที่ 1 มีดาว 1 ก็จะอ่านแบบเศษส่วนว่า เศษหนึ่งส่วนสี่
รูปที่ 2 มีดาว 2 ก็จะอ่านแบบเศษส่วนว่า เศษสองส่วนสี่
รูปที่ 3 มีดาว 3 ก็จะอ่านแบบเศษส่วนว่า เศษสามส่วนสี่
รูปที่ 4 มีดาว 2 ก็จะอ่านแบบเศษส่วนว่า เศษสี่ส่วนสี่ หรือ 1 (กล่อง)
เช่นเดียวกันครับ
รูปที่ 5 มีดาว 1 กล่องเต็มกับเศษอีก 1 ดวง
           อ่านว่า หนึ่งเศษหนึ่งส่วนสี่
รูปที่ 6 มีดาว 1 กล่องเต็มกับเศษอีก 2 ดวง
           อ่านว่า หนึ่งเศษสองส่วนสี่
รูปที่ 7 มีดาว 1 กล่องเต็มกับเศษอีก 3 ดวง
           อ่านว่า หนึ่งเศษสามส่วนสี่
รูปที่ 5 มีดาว 2 กล่องเต็ม
           อ่านว่า หนึ่งเศษสี่ส่วนสี่ หรือ 2 (กล่อง)
ตัวอย่างอื่นๆ อันนี้ลองอ่านดูเอง
การลบเศษส่วนจาก 1 (กล่อง)
มาดูภาพกันก่อน
สมมุติว่า 1 กล่องมีขนมอยู่ 4 ชิ้น
กินไป 1 ชิ้น จะเหลือขนม สามส่วนสี่ (อ่านแบบย่อ)
กินไป 2 ชิ้น จะเหลือขนม สองส่วนสี่
              หรือ หนึ่งส่วนสอง หรือ ครึ่งหนึ่ง
มาทดสอบความเข้าใจดู อีกที่


การเปลี่ยนจำนวนคละเป็นเศษเกิน
จำนวนคละ คือ เศษส่วนที่มีจำนวนเต็ม(หน่วย)อยู่หน้าเศษส่วน
เศษเกิน คือ เศษส่วนที่ตัวเศษมีค่ามากว่าตัวส่วน
มาดูวิธีการคิดกัน
 
การทอนเป็นเศษส่วนอย่างต่ำ
เศษส่วนอย่างต่ำ คือ เศษส่วนที่ไม่มีตัวเลขที่มาหาร
ทั้งตัวเศษและต้วส่วนไม่พร้อมกันอีกแล้ว



มาดูภาพประกอบอีกที


 
** ถึงแค่นี้นักเรียนก็คงพอจะอยู่จัดกับเศษส่วนมากขึ้นแล้ว
แต่ขอหยุดไว้ก็ตรงนี้ก่อน ไว้เจอกันตอนต่อไป **

ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://kruteeworld.siamvip.com/
มีเนื้อหาให้อ่านและมีใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ