วันนี้ไปเห็นแผ่นหนังเรื่อง twilight แล้วนึกถึงคำศัพท์เกี่ยวกับเวลา
ขึ้มมาได้ เลยรวบรวมมาให้พวกเราได้อ่านกันกัน
กลางวัน day (n)
ก่อนเที่ยง, เวลาหลังเที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน A.M. (ante meridiem)
ช่วงชีวิต lifetime (n)
ช่วงเวลา duration (n)
ช่วงหยุดพัก break (n)
ช่วงหยุดพักทานกาแฟ coffee break (n)
ชั่วโมง hour (n)
นอกเวลาทำงานปกติ overtime (n)
นิรันดร, เวลาที่ยาวนานมาก eternity (n)
วันหยุด holiday (n)
เวลา time (n)
เวลากลางวัน, ตอนกลางวัน daytime
เวลาก่อนเที่ยง forenoon (n)
เวลาใกล้รุ่ง daybreak (n)
เวลาขัดสน, วันที่มีฝนตก rainy day
เวลาเข้านอน bedtime (n)
เวลาครบรอบ cycle time
เวลาจริง real time (n)
เวลาเช้า, รุ่งเช้า morning (n)
เวลาเช้าตรู่, เวลาฟ้าสาง cockcrow (n)
เวลาเช้าตรู่, เวลาฟ้าสาง dawn (n)
เวลาทำการ office hours (n)
เวลาทำงาน working hours (n)
เวลาที่จะสายเกินไป, เวลาที่เหมาะสม high time
เวลาที่น้ำลง low tide (n)
เวลาเที่ยง noon (n)
เวลาเที่ยงคืน midnight (n)
เวลาเที่ยงตรง high noon,at noon
เวลานัดหมาย appointed time (n)
เวลานาน long (n)
เวลาในการประชุม, สมัยประชุม session (n)
เวลาในท้องถิ่น local time (n)
เวลาปฏิบัติงาน execution time
เวลาปิด closing-time(n)
เวลาเปิด opening-time (n)
เวลาเปิดร้าน opening time (n)
เวลาผ่านไปเร็วมาก time flies
เวลาพัก rest time (n)
เวลาพัก, ช่วงพักครึ่ง intermission (n)
เวลาพักระหว่างครึ่ง half time (n)
เวลาโพล้เพล้, สนธยา gloaming (n)
เวลาโพล้เพล้, สนธยา half-light (n)
เวลาโพล้เพล้, สนธยา twilight (n)
เวลามาตรฐาน standard time (n)
เวลามาตรฐานที่กรีนิช GMT (Greenwich mean time) (n)
เวลาเย็นก่อนค่ำ, เวลาโพล้เพล้, สนธยา dusk (n)
เวลารับประทานอาหาร mealtime (n)
เวลาเริ่ม beginning time(n)
เวลาเรียน school hours (n)
เวลาเรียน studying time(n)
เวลาเล่น, เวลาพักผ่อน playtime (n)
เวลาว่าง leisure (n)
เวลาสำคัญ moment (n)
เวลาหมด Time is up. (เป็นประโยค)
เวลาห้ามออกนอกบ้านยามวิกาล, เคอร์ฟิว curfew (n)
เวลาอาหาร meal time(n)
หลังเที่ยง, ช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงเที่ยงคืน P.M. (post meridiem)
อดีต, เวลาที่ผ่านไปแล้ว past (n)
อนาคต future
โอกาสที่ดี occasion (n)
วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554
คำศัพท์ที่มีคำว่า ลูก
วันนี้มีคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ฝากเป็นคำที่มีคำว่า ลูก ลองมาดูกัน
ค่อยๆ ดูๆ ค่อยๆจำ นะครับ
การบริการลูกค้า customer service (n)
ลูก child (n)
ลูกกรง, แท่ง bar (n)
ลูกกระดุม button (n)
ลูกกระเดือก Adam's apple (n)
ลูกกระสุนปืน bullet (n)
ลูกกวาด candy (n)
ลูกกวาด toffee (n)
ลูกกวาด sweets (n)
ลูกไก่ chick (n)
ลูกขนไก่ shuttlecock (n)
ลูกขุน jury (n)
ลูกเขย son-in-law (n)
ลูกครึ่ง half-breed (n)
ลูกค้า customer, purchaser (n)
ลูกค้า, ลูกความ client (n)
ลูกค้าประจำ regular customer (n)
ลูกคิด abacus (n)
ลูกคู่ร้องเพลง chorus (n)
ลูกจ้าง employee (n)
ลูกจ้างชั่วคราว casual worker (n)
ลูกจ้างรัฐบาล government employee(n)
ลูกชาย son (n)
ลูกชายของหลาน great nephew (n)
ลูกชิด palm candy (n)
ลูกชิ้น meat ball (n)
ลูกชิ้นหมู pig ball (n)
ลูกตา eye, eyeball (n)
ลูกเต๋า dice (n)
ลูกทีม, ผู้ร่วมทีม staff (n)
ลูกโทษ Penalty (n)
ลูกธนู, เกาทัณฑ์ arrow (n)
ลูกบอล ball (n)
ลูกบอลชายหาด beach ball (n)
ลูกบาศก์ cube (n)
ลูกบุญธรรม adopted child (n)
ลูกปัด, ลูกประคำ bead (n)
ลูกโป่ง balloon (n)
ลูกผู้ชาย man (n)
ลูกผู้หญิง woman (n)
ลูกพรรค member of a political party (n)
ลูกพี่ลูกน้อง cousin (n)
ลูกมือ, ผู้ช่วย assistant (n)
ลูกระเบิด bomb (n)
ลูกเรือ crew (n)
ลูกเรือบนเครื่องบิน aircrew (n)
ลูกเรือบนเครื่องบิน flight crew (n)
ลูกเล่น, ชั้นเชิง tactics(n)
ลูกสะใภ้ daughter-in-law (n)
ลูกสาว daughter (n)
ลูกสาวของหลาน great niece (n)
ลูกเสือ(ชาย) boy scout (n)
ลูกเสือ(หญิง), เนตรนารี girl scout (n)
ลูกหนี้ debtor, mortgagor (n)
ลูกหนี้การค้า account receivable (n)
ลูกหนี้คุณภาพต่ำ sub-prime (n)
ลูกอ่กอน, ทารก, เด็กแรกเกิด baby (n)
ลูกอ่อนของสัตว์ newborn (n)
********
อย่าลืมช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยครับ....
ค่อยๆ ดูๆ ค่อยๆจำ นะครับ
การบริการลูกค้า customer service (n)
ลูก child (n)
ลูกกรง, แท่ง bar (n)
ลูกกระดุม button (n)
ลูกกระเดือก Adam's apple (n)
ลูกกระสุนปืน bullet (n)
ลูกกวาด candy (n)
ลูกกวาด toffee (n)
ลูกกวาด sweets (n)
ลูกไก่ chick (n)
ลูกขนไก่ shuttlecock (n)
ลูกขุน jury (n)
ลูกเขย son-in-law (n)
ลูกครึ่ง half-breed (n)
ลูกค้า customer, purchaser (n)
ลูกค้า, ลูกความ client (n)
ลูกค้าประจำ regular customer (n)
ลูกคิด abacus (n)
ลูกคู่ร้องเพลง chorus (n)
ลูกจ้าง employee (n)
ลูกจ้างชั่วคราว casual worker (n)
ลูกจ้างรัฐบาล government employee(n)
ลูกชาย son (n)
ลูกชายของหลาน great nephew (n)
ลูกชิด palm candy (n)
ลูกชิ้น meat ball (n)
ลูกชิ้นหมู pig ball (n)
ลูกตา eye, eyeball (n)
ลูกเต๋า dice (n)
ลูกทีม, ผู้ร่วมทีม staff (n)
ลูกโทษ Penalty (n)
ลูกธนู, เกาทัณฑ์ arrow (n)
ลูกบอล ball (n)
ลูกบอลชายหาด beach ball (n)
ลูกบาศก์ cube (n)
ลูกบุญธรรม adopted child (n)
ลูกปัด, ลูกประคำ bead (n)
ลูกโป่ง balloon (n)
ลูกผู้ชาย man (n)
ลูกผู้หญิง woman (n)
ลูกพรรค member of a political party (n)
ลูกพี่ลูกน้อง cousin (n)
ลูกมือ, ผู้ช่วย assistant (n)
ลูกระเบิด bomb (n)
ลูกเรือ crew (n)
ลูกเรือบนเครื่องบิน aircrew (n)
ลูกเรือบนเครื่องบิน flight crew (n)
ลูกเล่น, ชั้นเชิง tactics(n)
ลูกสะใภ้ daughter-in-law (n)
ลูกสาว daughter (n)
ลูกสาวของหลาน great niece (n)
ลูกเสือ(ชาย) boy scout (n)
ลูกเสือ(หญิง), เนตรนารี girl scout (n)
ลูกหนี้ debtor, mortgagor (n)
ลูกหนี้การค้า account receivable (n)
ลูกหนี้คุณภาพต่ำ sub-prime (n)
ลูกอ่กอน, ทารก, เด็กแรกเกิด baby (n)
ลูกอ่อนของสัตว์ newborn (n)
********
อย่าลืมช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยครับ....
วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554
clip คณิตศาสตร์ - การแก้สมการ
ครูทำคลิปการแก้โทจย์ปัญหา วิชาคณิตศาสตร์มาให้ได้ลองดูกัน
เป็นบางตอนจากCD ที่ครูทำไว้ ถ้าดูที่หน้าเว็บครูแล้วมันเล็กเกินไป
ให้คลิกที่ตัวclip ได้เลย
ส่วนตัวเต็ม ครูจะพยายามทำในรูปแบบที่เราเอาไปดูที่บ้าน
ได้ผ่านเครื่องเล่น CD หรือ DVD ครูเชื่อว่าคุ้มค่า ครับ
ชอบ - ไม่ชอบ ก็บอกกันได้
นักเรียนที่เรียนกับครู อย่าลืมใส่ชื่อ นามสกุล ชื่อศูนย์ของเราด้วยครับ
** Basic Maths - Solving Equation **
ตอนที่ 1 วิธีการแก้สมการ
เป็นบางตอนจากCD ที่ครูทำไว้ ถ้าดูที่หน้าเว็บครูแล้วมันเล็กเกินไป
ให้คลิกที่ตัวclip ได้เลย
ส่วนตัวเต็ม ครูจะพยายามทำในรูปแบบที่เราเอาไปดูที่บ้าน
ได้ผ่านเครื่องเล่น CD หรือ DVD ครูเชื่อว่าคุ้มค่า ครับ
ชอบ - ไม่ชอบ ก็บอกกันได้
นักเรียนที่เรียนกับครู อย่าลืมใส่ชื่อ นามสกุล ชื่อศูนย์ของเราด้วยครับ
** Basic Maths - Solving Equation **
ตอนที่ 1 วิธีการแก้สมการ
ตอนที่2 โจทย์ปัญหาสมการ
ตอนที่ 3 โจทย์สมการเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยม
วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554
ภาษาอังกฤษ: ประโยคคำถาม3
วันนี้ครูมีเวลาว่าง... เลยคิดว่าจะเอาเรื่องประโยคคำถามมาใส่ให้ครบ
จะได้จบเรื่องนี้ เริ่มกันเลย...
ตอนที่แล้วเป็นเรื่องของประโยคคำถามแบบ WH-Question
ตอนจบนี้เลยรวมเอาอีก 2 กลุ่มที่เหลือมาให้ดูพร้อมกัน
ถ้ามีประโยคที่อ่านไม่ออก ให้ไปดูที่ ห้วข้อวิธีฟังเสียงอ่านจากอินเตอร์เน็ต
2. กลุ่มที่2 Yes - No question
ในประโยคมี verb to be (is, am, are, was, were)
วิธีการ ให้นำ verb to be ไปด้วยหน้าประโยค
เปลี่ยนประธานจาก I เป็นอยู่ you
ประโยคบอกเล่า He is a teacher. เขาเป็นครู
ประโยคคำถาม Is he a teacher? เขาเป็ครูใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, he is a teacher. ใช่ เขาเป็นครู
ตอบรับแบบย่อย Yes, he is. ใช่ เขาเป็น
ตอบปฏิเสธ No, he is not. (isn't) ไม่ เขาไม่ได้เป็น
ประโยคบอกเล่า That is your car. นั้นรถของคุณ
ประโยคคำถาม Is that your car? นั้นรถของคุณใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, that is my car.ใช่ นั้นรถของฉัน
ตอบรับแบบย่อย Yes, that is. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, that is not. (isn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า You are smart. คุณเป็นคนฉลาด
ประโยคคำถาม Am I smart? ฉันเป็นคนฉลาดไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, you are smart. ใช่ คุณเป็นคนฉลาด
ตอบรับแบบย่อย Yes. you are. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, you are not. (aren't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า They are her friends. พวกเขาเป็นเพื่อนของเธอ
ประโยคคำถาม Are they her friends? พวกเขาเป็นเพื่อนของเธอ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, they are her friends. ใช่ พวกเขาเป็นเพื่อนของเธอ
ตอบรับแบบย่อย Yes, they are. ใช่ พวกเขาเป็น
ตอบปฏิเสธ No, they are not. (aren't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า We are going with him. พวกเราจะเป็นกับเขา
ประโยคคำถาม Are we going with him? พวกเราจะเป็นกับเขา ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, we are going with him. ใช่ พวกเราจะเป็นกับเขา
ตอบรับแบบย่อย Yes, we are. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, they are not. (aren't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า He is driving a new car. เขากำลังขับรถ
ประโยคคำถาม Is he driving a new car? เขากำลังขับรถ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, he is driving a new car. ใช่ เขากำลังขับรถ
ตอบรับแบบย่อย Yes, he is. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, he is not. (isn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า She was a nurse. เธอเคยเป็นนางพยาบาล
ประโยคคำถาม Was she a nurse? เธอเคยเป็นนางพยาบาล ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, she was a nurse. ใช่ เธอเคยเป็นนางพยาบาล
ตอบรับแบบย่อย yes, she was. ใช่ เธอเคยเป็น
ตอบปฏิเสธ No, she was not. (wasn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า I was busy yesterday.
ฉันไม่ว่างเมื่อวานนี้
ประโยคคำถาม Were you busy yesterday?
คุณไม่ว่างเมื่อวานี้ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, I was busy yesterday.
ใช่ ฉันไม่ว่างเมื่อวานนี้
ตอบรับแบบย่อย Yes, I was. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, I was not. (wasn't) ไม่ใช่
********
ในประโยคมี verb to have (have, has, had)
วิธีการ ให้นำ verb to have ไปด้วยหน้าประโยค
ประโยคบอกเล่า I have just finished my work.
ฉันเพิ่งทำงานเสร็จ
ประโยคคำถาม Have you just finished your work?
คุณเพิ่มจะทำงานเสร็จ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, I have just finished my work.
ใช่ ฉันเพิ่งทำงานเสร็จ
ตอบรับแบบย่อย Yes, I have. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, I have not. (haven't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า His mother has returned from market.
แม่ของเขาเพิ่งกลับมาจากตลาด
ประโยคคำถาม Has his mother returned from market?
แม่ของเขาเพิ่งกลับมาจากตลาด ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, she has returned from market.
ใช่ แม่ของเขาเพิ่งกลับมาจากตลาด
ตอบรับแบบย่อย Yes, she has. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, she has not.(hasn't) ไม่ใช่
********
ในประโยคมี กริยาช่วย
วิธีการ ให้นำ กริยาช่วย ไปด้วยหน้าประโยค
ประโยคบอกเล่า I can swim. ฉันสามารถว่ายได้
ประโยคคำถาม Can you swim? คุณว่ายนำได้ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, I can swim. ใช่ ฉันสามารถว่ายได้
ตอบรับแบบย่อย Yes, I can. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, I cannot. (can't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า He should tell her the truth.
เขาควรจะบอกความจริงกับเธอ
ประโยคคำถาม Should he tell her the truth?
เขาควรจะบอกความจริงกับเธอ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, he should tell her the truth.
ใช่ เขาควรจะบอกความจริงกับเธอ
ตอบรับแบบย่อย Yes, he should. ใช่ เขาควร
ตอบปฏิเสธ No, he should not. (shouldn't) ไม่ เขาไม่ควร
ประโยคบอกเล่า I will come here tomorrow.
ฉันจะมาที่นี่พรุ่งนี้
ประโยคคำถาม Will you come here tomorrow?
คุณจะมีที่นี่พรุ่งนี้ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, I will come here tomorrow.
ใช่ ฉันจะมาที่นี่พรุ่งนี้
ตอบรับแบบย่อย Yes, I will. ใช่ ฉันจะมา
ตอบปฏิเสธ No, I will not. (won't) ไม่ใช่
*********
ในประโยคมีแต่กริยาแท้
ถ้าเป็นกลุ่มปัจจุบัน (Present Tense)
ใช้ Does กับประธานที่เป็นเอกพจน์
ใช้ Do กับประธานที่เป็นพหูพจน์
และเปลี่ยนเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ต้องเติมทั้ง s, es
ประโยคบอกเล่า He loves her. เขารักเธอ
ประโยคคำถาม Does he love her? เขารักเธอ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, he loves her. ใช่ เขารักเธอ
ตอบรับแบบย่อย Yes, he does. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, He does not. (doesn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า Fon lives with her parents.
ฝนอาศัยอยู่กับพ่อแม่
ประโยคคำถาม Does Fon live with her parents?
ฝนอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, she lives with her parents.
ใช่ ฝนอาศัยอยู่กับพ่อแม่
ตอบรับแบบย่อย Yes, she does. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, she does not. (doesn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า I read many books a week.
ฉันอ่านหนังสือหลายเล่มใน 1 สัปดาห์
ประโยคคำถาม Do you read many books a week?
คุณอ่านหนังสือหลายเล่มใน 1 สัปดาห์ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, I read many books a week.
ใช่ ฉันอ่านหนังสือหลายเล่มใน 1 สัปดาห์
ตอบรับแบบย่อย Yes, I do. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, I do not. (I don't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า They often eat out together.
พวกเขาไปทานข้าวนอกบ้านด้วยกันบ่อยๆ
ประโยคคำถาม Do they eat out together?
พวกเขาไปทานข้าวนอกบ้านด้วยกันบ่อยๆ ใช่ไหม
ตอบรับแบบเต็ม Yes, they often eat out together.
ใช่ พวกเขาไปทานข้าวนอกบ้านด้วยกันบ่อยๆ
ตอบรับแบบย่อย Yes, they do. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, they do not. (don't) ไม่ใช่
********
ถ้าเป็นกลุ่มอดีต (Past Tense)
ใช้ Did กับประธานทุกตัว
และเปลี่ยนเป็นกริยาช่องที่ 1
ประโยคบอกเล่า He stayed in this room last night.
เขาพักอยู่ในห้องนี้เมื่อคืนก่อน
ประโยคคำถาม Did he stay in this room last night?
เขาพักอยู่ในห้องนี้เมื่อคืนก่อน ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, he stayed in room this last night.
ใช่ เขาพักอยู่ในห้องนี้เมื่อคืนก่อน
ตอบรับแบบย่อย Yes, he did. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, he did not. (didn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า Her mother slept late last night.
แม่ของเธอนอนดึกเมื่อคืนก่อน
ประโยคคำถาม Did her mother sleep late last night?
แม่ของเธอนอนดึกเมื่อคืนก่อน ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, she slept late last night.
ใช่ แม่ของเธอนอนดึกเมื่อคืนก่อน
ตอบรับแบบย่อย Yes, she did. ใช่
ตอบปฏิเสธ No. they did not. (didn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า We had dinner with her.
พวกเราไปทานมื้อเย็นกับเธอมาแล้ว
ประโยคคำถาม Did we have dinner with her?
พวกเราไปทานมื้อเย็นกับเธอมาแล้วหรือใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, we had dinner with her.
ใช่ พวกเราไปทานมื้อเย็นกับเธอมาแล้ว
ตอบรับแบบย่อย Yes, we did. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, we did not. (don't) ไม่ใช่
**************
กลุ่มที่3. Question tag
Question tag คือ ประโยคคำถามสั้นๆ ที่ต่อท้ายประโยคบอกเล่า
(ใช้ถามเพื่อให้แน่ใจ) มีลักษณะพิเศษคือ
ถ้าประโยคนำหน้า เป็นบอกเล่า คำถามต่อท้ายจะเป็นปฏิเสธ
ถ้าประโยคนำหน้า เป็นปฏิเสธ คำถามต่อท้ายจะเป็นบอกเล่า
หมายเหตุ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดปลีกย่อย
ค่อนข้างมา ครูเลยนำเเฉพาะตอนที่สำคัญมาลงไว้
Your friend has come back, hasn't he?
เพื่อนของคุณเพิ่งจะกลับมา ไม่ใช่หรือ?
Your friend has not come back, has he?
เพื่อนของคุณยังไม่กลับมา ใช่ไหม?
She will move out tomorrow, won't she?
เธอจะย้ายออกวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่หรือ?
She won't move out tomorrow, will she?
เธอจะไม่ย้ายออกวันพรุ่งนี้ ใช่ไหม?
He doesn't want to disturb you, does he?
เขาไม่ต้องการรบกวนคุณ ใช่ไหม?
The children have to go to school, haven't they?
เด็กๆต้องไปโรงเรียน ไม่ใช่หรือ?
We should obey our parents and teacher, shouldn't we?
พวกเราควรเชื่อฟังคุณพ่อ, คุณแม่และ คุณครู ไม่ใช่หรือ?
I am a lawyer, aren't I?
ฉันเป็นทนาย ไม่ใช่หรือ?
I am not a lawyer, am I?
ฉันไม่ได้เป็นทนาย ใช่ไหม?
ถ้าเป็นประโยคคำสั่งจะใช้ will you? ต่อไป
Open the door, will you?
ช่วยเปิดประตูให้ด้วย ได้ไหม?
Stop talking, will you?
หยุดพูด ได้ไหม?
Take this thing away, will you?
ช่วยออกของสิ่งนี้ไปห่างๆ ได้ไหม?
****************
จบแล้วครับสำหรับเรื่องนี้
ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://www.kruteeworld.com/
มีเนื้อหาและใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ
จะได้จบเรื่องนี้ เริ่มกันเลย...
ตอนที่แล้วเป็นเรื่องของประโยคคำถามแบบ WH-Question
ตอนจบนี้เลยรวมเอาอีก 2 กลุ่มที่เหลือมาให้ดูพร้อมกัน
ถ้ามีประโยคที่อ่านไม่ออก ให้ไปดูที่ ห้วข้อวิธีฟังเสียงอ่านจากอินเตอร์เน็ต
2. กลุ่มที่2 Yes - No question
ในประโยคมี verb to be (is, am, are, was, were)
วิธีการ ให้นำ verb to be ไปด้วยหน้าประโยค
เปลี่ยนประธานจาก I เป็นอยู่ you
ประโยคบอกเล่า He is a teacher. เขาเป็นครู
ประโยคคำถาม Is he a teacher? เขาเป็ครูใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, he is a teacher. ใช่ เขาเป็นครู
ตอบรับแบบย่อย Yes, he is. ใช่ เขาเป็น
ตอบปฏิเสธ No, he is not. (isn't) ไม่ เขาไม่ได้เป็น
ประโยคบอกเล่า That is your car. นั้นรถของคุณ
ประโยคคำถาม Is that your car? นั้นรถของคุณใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, that is my car.ใช่ นั้นรถของฉัน
ตอบรับแบบย่อย Yes, that is. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, that is not. (isn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า You are smart. คุณเป็นคนฉลาด
ประโยคคำถาม Am I smart? ฉันเป็นคนฉลาดไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, you are smart. ใช่ คุณเป็นคนฉลาด
ตอบรับแบบย่อย Yes. you are. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, you are not. (aren't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า They are her friends. พวกเขาเป็นเพื่อนของเธอ
ประโยคคำถาม Are they her friends? พวกเขาเป็นเพื่อนของเธอ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, they are her friends. ใช่ พวกเขาเป็นเพื่อนของเธอ
ตอบรับแบบย่อย Yes, they are. ใช่ พวกเขาเป็น
ตอบปฏิเสธ No, they are not. (aren't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า We are going with him. พวกเราจะเป็นกับเขา
ประโยคคำถาม Are we going with him? พวกเราจะเป็นกับเขา ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, we are going with him. ใช่ พวกเราจะเป็นกับเขา
ตอบรับแบบย่อย Yes, we are. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, they are not. (aren't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า He is driving a new car. เขากำลังขับรถ
ประโยคคำถาม Is he driving a new car? เขากำลังขับรถ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, he is driving a new car. ใช่ เขากำลังขับรถ
ตอบรับแบบย่อย Yes, he is. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, he is not. (isn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า She was a nurse. เธอเคยเป็นนางพยาบาล
ประโยคคำถาม Was she a nurse? เธอเคยเป็นนางพยาบาล ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, she was a nurse. ใช่ เธอเคยเป็นนางพยาบาล
ตอบรับแบบย่อย yes, she was. ใช่ เธอเคยเป็น
ตอบปฏิเสธ No, she was not. (wasn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า I was busy yesterday.
ฉันไม่ว่างเมื่อวานนี้
ประโยคคำถาม Were you busy yesterday?
คุณไม่ว่างเมื่อวานี้ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, I was busy yesterday.
ใช่ ฉันไม่ว่างเมื่อวานนี้
ตอบรับแบบย่อย Yes, I was. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, I was not. (wasn't) ไม่ใช่
********
ในประโยคมี verb to have (have, has, had)
วิธีการ ให้นำ verb to have ไปด้วยหน้าประโยค
ประโยคบอกเล่า I have just finished my work.
ฉันเพิ่งทำงานเสร็จ
ประโยคคำถาม Have you just finished your work?
คุณเพิ่มจะทำงานเสร็จ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, I have just finished my work.
ใช่ ฉันเพิ่งทำงานเสร็จ
ตอบรับแบบย่อย Yes, I have. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, I have not. (haven't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า His mother has returned from market.
แม่ของเขาเพิ่งกลับมาจากตลาด
ประโยคคำถาม Has his mother returned from market?
แม่ของเขาเพิ่งกลับมาจากตลาด ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, she has returned from market.
ใช่ แม่ของเขาเพิ่งกลับมาจากตลาด
ตอบรับแบบย่อย Yes, she has. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, she has not.(hasn't) ไม่ใช่
********
ในประโยคมี กริยาช่วย
วิธีการ ให้นำ กริยาช่วย ไปด้วยหน้าประโยค
ประโยคบอกเล่า I can swim. ฉันสามารถว่ายได้
ประโยคคำถาม Can you swim? คุณว่ายนำได้ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, I can swim. ใช่ ฉันสามารถว่ายได้
ตอบรับแบบย่อย Yes, I can. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, I cannot. (can't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า He should tell her the truth.
เขาควรจะบอกความจริงกับเธอ
ประโยคคำถาม Should he tell her the truth?
เขาควรจะบอกความจริงกับเธอ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, he should tell her the truth.
ใช่ เขาควรจะบอกความจริงกับเธอ
ตอบรับแบบย่อย Yes, he should. ใช่ เขาควร
ตอบปฏิเสธ No, he should not. (shouldn't) ไม่ เขาไม่ควร
ประโยคบอกเล่า I will come here tomorrow.
ฉันจะมาที่นี่พรุ่งนี้
ประโยคคำถาม Will you come here tomorrow?
คุณจะมีที่นี่พรุ่งนี้ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, I will come here tomorrow.
ใช่ ฉันจะมาที่นี่พรุ่งนี้
ตอบรับแบบย่อย Yes, I will. ใช่ ฉันจะมา
ตอบปฏิเสธ No, I will not. (won't) ไม่ใช่
*********
ในประโยคมีแต่กริยาแท้
ถ้าเป็นกลุ่มปัจจุบัน (Present Tense)
ใช้ Does กับประธานที่เป็นเอกพจน์
ใช้ Do กับประธานที่เป็นพหูพจน์
และเปลี่ยนเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ต้องเติมทั้ง s, es
ประโยคบอกเล่า He loves her. เขารักเธอ
ประโยคคำถาม Does he love her? เขารักเธอ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, he loves her. ใช่ เขารักเธอ
ตอบรับแบบย่อย Yes, he does. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, He does not. (doesn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า Fon lives with her parents.
ฝนอาศัยอยู่กับพ่อแม่
ประโยคคำถาม Does Fon live with her parents?
ฝนอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, she lives with her parents.
ใช่ ฝนอาศัยอยู่กับพ่อแม่
ตอบรับแบบย่อย Yes, she does. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, she does not. (doesn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า I read many books a week.
ฉันอ่านหนังสือหลายเล่มใน 1 สัปดาห์
ประโยคคำถาม Do you read many books a week?
คุณอ่านหนังสือหลายเล่มใน 1 สัปดาห์ ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, I read many books a week.
ใช่ ฉันอ่านหนังสือหลายเล่มใน 1 สัปดาห์
ตอบรับแบบย่อย Yes, I do. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, I do not. (I don't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า They often eat out together.
พวกเขาไปทานข้าวนอกบ้านด้วยกันบ่อยๆ
ประโยคคำถาม Do they eat out together?
พวกเขาไปทานข้าวนอกบ้านด้วยกันบ่อยๆ ใช่ไหม
ตอบรับแบบเต็ม Yes, they often eat out together.
ใช่ พวกเขาไปทานข้าวนอกบ้านด้วยกันบ่อยๆ
ตอบรับแบบย่อย Yes, they do. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, they do not. (don't) ไม่ใช่
********
ถ้าเป็นกลุ่มอดีต (Past Tense)
ใช้ Did กับประธานทุกตัว
และเปลี่ยนเป็นกริยาช่องที่ 1
ประโยคบอกเล่า He stayed in this room last night.
เขาพักอยู่ในห้องนี้เมื่อคืนก่อน
ประโยคคำถาม Did he stay in this room last night?
เขาพักอยู่ในห้องนี้เมื่อคืนก่อน ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, he stayed in room this last night.
ใช่ เขาพักอยู่ในห้องนี้เมื่อคืนก่อน
ตอบรับแบบย่อย Yes, he did. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, he did not. (didn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า Her mother slept late last night.
แม่ของเธอนอนดึกเมื่อคืนก่อน
ประโยคคำถาม Did her mother sleep late last night?
แม่ของเธอนอนดึกเมื่อคืนก่อน ใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, she slept late last night.
ใช่ แม่ของเธอนอนดึกเมื่อคืนก่อน
ตอบรับแบบย่อย Yes, she did. ใช่
ตอบปฏิเสธ No. they did not. (didn't) ไม่ใช่
ประโยคบอกเล่า We had dinner with her.
พวกเราไปทานมื้อเย็นกับเธอมาแล้ว
ประโยคคำถาม Did we have dinner with her?
พวกเราไปทานมื้อเย็นกับเธอมาแล้วหรือใช่ไหม?
ตอบรับแบบเต็ม Yes, we had dinner with her.
ใช่ พวกเราไปทานมื้อเย็นกับเธอมาแล้ว
ตอบรับแบบย่อย Yes, we did. ใช่
ตอบปฏิเสธ No, we did not. (don't) ไม่ใช่
**************
กลุ่มที่3. Question tag
Question tag คือ ประโยคคำถามสั้นๆ ที่ต่อท้ายประโยคบอกเล่า
(ใช้ถามเพื่อให้แน่ใจ) มีลักษณะพิเศษคือ
ถ้าประโยคนำหน้า เป็นบอกเล่า คำถามต่อท้ายจะเป็นปฏิเสธ
ถ้าประโยคนำหน้า เป็นปฏิเสธ คำถามต่อท้ายจะเป็นบอกเล่า
หมายเหตุ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดปลีกย่อย
ค่อนข้างมา ครูเลยนำเเฉพาะตอนที่สำคัญมาลงไว้
Your friend has come back, hasn't he?
เพื่อนของคุณเพิ่งจะกลับมา ไม่ใช่หรือ?
Your friend has not come back, has he?
เพื่อนของคุณยังไม่กลับมา ใช่ไหม?
She will move out tomorrow, won't she?
เธอจะย้ายออกวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่หรือ?
She won't move out tomorrow, will she?
เธอจะไม่ย้ายออกวันพรุ่งนี้ ใช่ไหม?
He doesn't want to disturb you, does he?
เขาไม่ต้องการรบกวนคุณ ใช่ไหม?
The children have to go to school, haven't they?
เด็กๆต้องไปโรงเรียน ไม่ใช่หรือ?
We should obey our parents and teacher, shouldn't we?
พวกเราควรเชื่อฟังคุณพ่อ, คุณแม่และ คุณครู ไม่ใช่หรือ?
I am a lawyer, aren't I?
ฉันเป็นทนาย ไม่ใช่หรือ?
I am not a lawyer, am I?
ฉันไม่ได้เป็นทนาย ใช่ไหม?
ถ้าเป็นประโยคคำสั่งจะใช้ will you? ต่อไป
Open the door, will you?
ช่วยเปิดประตูให้ด้วย ได้ไหม?
Stop talking, will you?
หยุดพูด ได้ไหม?
Take this thing away, will you?
ช่วยออกของสิ่งนี้ไปห่างๆ ได้ไหม?
****************
จบแล้วครับสำหรับเรื่องนี้
ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://www.kruteeworld.com/
มีเนื้อหาและใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ
วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554
ภาษาอังกฤษ: ประโยคคำถาม2
ตามต่อกันเลยนะครับ ....
ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ
Who = ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นประธานของประโยค
Who is he? เขาเป็นใคร?
He is my father. เขาเป็นพ่อของฉัน
He is my close friend. เขาเป็นเพื่อสนิทของฉัน
He is my boss. เขาเป็นหัวหน้าของฉัน
Who broke my glass? ใครทำแก้วฉันแตก?
Somchai. สมชัย
Who is hnocking at the door? ใครกำลังเคาะประตู?
My son. ลูกชายของฉันเอง
Who called me? ใครโทรหาฉัน?
Your boss. เจ้านายของคุณ
Your friend. เพื่อนของคุณ
**************
Whom = ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นกรรมของประโยค
Whom did you meet yesterday? คุณเจอใครเมื่อวานนี้?
I met my teacher. ฉันเจอกับครูของฉัน
My teacher. ครูของฉัน
Whom is he speaking to? ใครที่เขากำลังพูดด้วย?
He is speaking to his mother. เขากำลังพูดกับแม่ของเขา
His mother. แม่ของเขา
****************
Whose = ของใคร ใช้ถามความเป็นเจ้าของ
Whose is this car? รถคันนี้ของใคร?
It' s Somsri car. มันเป็นของสมศรี
It' s Somsri's. มันเป็นของสมศรี
It' hers. มันเป็นของสมศรี
Whose is that pen? นั่นปากกาของใคร?
It's my pen. มันเป็นปากกาของฉัน
It's mine. มันเป็นของฉัน
*****************
How = อย่างไร ใช้ถามเกี่ยวกับวิธีการ, สภาพการณ์
How do you come to school? คุณมาโรงเรียนอย่างไร?
I come to school by car. ฉันมาโรงเรียนโดยรถยนต์
I come to school by bus. ฉันมาโรงเรียนโดยประจำทาง
I come to school on foot. ฉันมาโรงเรียนโดยเดินมา
How does she dance? เธอเต้นระบำเป็นอย่างไร?
Quickly. เต้นอย่างเร็ว
Beautifully. เต้นสวย
How does he sing? เขาร้องเพลงเป็นอย่างไร?
Very good. ดีมาก
Great. ยอดเยี่ยม
Quite bad. ไม่ดีนัก
How do you like it? คุณชอบมันอย่างไร?
I like it very much. ฉันชอบมันมาก
So much. ชอบมาก
How are you? คุณสบายดีไหม?
I'm fine. Thank you. ฉันสบายดี ขอบคุณ
How is your parents? พ่อแม่คุณท่านเป็นอย่างไรบ้าง?
They are very well. Thank you. พวกท่านสบาดี ขอบคุณ
How are they? พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง?
They have an headache. พวกเขาปวดหัว
หมายเหตุ
แต่ How do you do? ใช้เป็นคำทักทายเมื่อพบกับเป็นครั้ง
ต้องตอบด้วย How do you do? เช่นกัน
How many = มากเท่าไหร่ ใช้ถามเกี่ยวกับจำนวน
How many book will you buy? คุณซื้อหนังสือกี่เล่ม?
I will buy 3 books. ฉันซื้อหนังสือ 3 เล่ม
A dozen. 1 โหล
How many students in your class? มีนักเรียนกี่คนในห้องของคุณ?
There are 40 students in my class. มีนักเรียน 40 คนในห้องของฉัน
How many guests did you invite? คุณเชิญแขกไว้กี่คน?
I invited 10 guests. ฉันเชิญแขกไว้ 10 คน
How much = มากเท่าไหร่, ราคาเท่าไหร่ ใช้ถามเกี่ยวกับจำนวนหรือราคา
How much is it? มันราคาเท่าไหร่?
It is 20 baht. มันราคา 20 บาท
How much money do you have? คุณมีเงินกี่บาท?
I have 100 baht. ฉันมีเงิน 100 บาท
I have no money now. ฉันไม่มีเงินเลยตอนนี้
How much do you weigh? คุณหนักเท่าไหร่?
I weigh 60 kilos. ฉันหนัก 60 กิโลกรัม
How tall = สูงแค่ไหน
How tall are you? คุณสุงเท่าไหร่?
I am 180 cm. ฉันสูง 180 ซม.
How tall is she? เธอสูงแค่ไหน?
She is about 170 cm. เธอสูงประมาณ 170 ซม.
How high = สูงแค่ไหน (ถามสิ่งทึ่สูงมากๆ เช่น ตึก, ภูเขา)
How high is BaiYoke Building 2? ตึกใบหยก 2 สูงแค่ไหน?
It is 304 meters. มันสูง 304 เมตร (ข้อมูลจริงครับ)
How long = ยาวแค่ไหน, นานเท่าใด
How long is the ruler? ไม้บรรทัดยาวเท่าไหร่?
It is twelve inches long. มันยาว 12 นิ้ว
How long does it take to walk? มันใช้เวลานานแค่ไหร่ที่จะไป?
It takes only half an hour. มันใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง
How far = ไกลแค่ไหน
How far is it? มันไกลแค่ไหน?
It is about 2 kilometers from here. ประมาณ 2 กม. จากที่นี้
How often = บ่อยแค่ไหน
How often do you take a bath?
คุณอาบนำบ่อยแค่ไหน?
I take a bath twice a day.
ฉันอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง
How often does he visit his uncle?
เขาไปเยี่ยมลุงของเขาบ่อยแค่ไหน?
He visits his uncle every week.
เขาไปเยี่ยมลุงของเขาที่สัปดาห์
He never visits his uncle.
เขาไม่เคยไปเยี่ยมลุงของเขาเลย
How old = อายุเท่าไหร่
How old are you? คุณอายุกี่ปี?
I am 20 years old. ฉันอายุ 20 ปี
How old is he? เขาอายุเท่าไหร่?
He is just 30 years old. เขาเพิ่งจะมีอายุ 30 ปี
How fast = เร็วแค่ไหน
How fast can he drive?
คุณสามารถขับได้รถเร็วแค่ไหน?
He can drive at 130 kilometers an hour.
ฉันสามารถขับรถได้ 130 กม/ชม.
*********
อย่าลืมนะ ครับว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั้น
ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://www.kruteeworld.com/
มีเนื้อหาและใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ
ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ
Who = ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นประธานของประโยค
Who is he? เขาเป็นใคร?
He is my father. เขาเป็นพ่อของฉัน
He is my close friend. เขาเป็นเพื่อสนิทของฉัน
He is my boss. เขาเป็นหัวหน้าของฉัน
Who broke my glass? ใครทำแก้วฉันแตก?
Somchai. สมชัย
Who is hnocking at the door? ใครกำลังเคาะประตู?
My son. ลูกชายของฉันเอง
Who called me? ใครโทรหาฉัน?
Your boss. เจ้านายของคุณ
Your friend. เพื่อนของคุณ
**************
Whom = ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นกรรมของประโยค
Whom did you meet yesterday? คุณเจอใครเมื่อวานนี้?
I met my teacher. ฉันเจอกับครูของฉัน
My teacher. ครูของฉัน
Whom is he speaking to? ใครที่เขากำลังพูดด้วย?
He is speaking to his mother. เขากำลังพูดกับแม่ของเขา
His mother. แม่ของเขา
****************
Whose = ของใคร ใช้ถามความเป็นเจ้าของ
Whose is this car? รถคันนี้ของใคร?
It' s Somsri car. มันเป็นของสมศรี
It' s Somsri's. มันเป็นของสมศรี
It' hers. มันเป็นของสมศรี
Whose is that pen? นั่นปากกาของใคร?
It's my pen. มันเป็นปากกาของฉัน
It's mine. มันเป็นของฉัน
*****************
How = อย่างไร ใช้ถามเกี่ยวกับวิธีการ, สภาพการณ์
How do you come to school? คุณมาโรงเรียนอย่างไร?
I come to school by car. ฉันมาโรงเรียนโดยรถยนต์
I come to school by bus. ฉันมาโรงเรียนโดยประจำทาง
I come to school on foot. ฉันมาโรงเรียนโดยเดินมา
How does she dance? เธอเต้นระบำเป็นอย่างไร?
Quickly. เต้นอย่างเร็ว
Beautifully. เต้นสวย
How does he sing? เขาร้องเพลงเป็นอย่างไร?
Very good. ดีมาก
Great. ยอดเยี่ยม
Quite bad. ไม่ดีนัก
How do you like it? คุณชอบมันอย่างไร?
I like it very much. ฉันชอบมันมาก
So much. ชอบมาก
How are you? คุณสบายดีไหม?
I'm fine. Thank you. ฉันสบายดี ขอบคุณ
How is your parents? พ่อแม่คุณท่านเป็นอย่างไรบ้าง?
They are very well. Thank you. พวกท่านสบาดี ขอบคุณ
How are they? พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง?
They have an headache. พวกเขาปวดหัว
หมายเหตุ
แต่ How do you do? ใช้เป็นคำทักทายเมื่อพบกับเป็นครั้ง
ต้องตอบด้วย How do you do? เช่นกัน
How many = มากเท่าไหร่ ใช้ถามเกี่ยวกับจำนวน
How many book will you buy? คุณซื้อหนังสือกี่เล่ม?
I will buy 3 books. ฉันซื้อหนังสือ 3 เล่ม
A dozen. 1 โหล
How many students in your class? มีนักเรียนกี่คนในห้องของคุณ?
There are 40 students in my class. มีนักเรียน 40 คนในห้องของฉัน
How many guests did you invite? คุณเชิญแขกไว้กี่คน?
I invited 10 guests. ฉันเชิญแขกไว้ 10 คน
How much = มากเท่าไหร่, ราคาเท่าไหร่ ใช้ถามเกี่ยวกับจำนวนหรือราคา
How much is it? มันราคาเท่าไหร่?
It is 20 baht. มันราคา 20 บาท
How much money do you have? คุณมีเงินกี่บาท?
I have 100 baht. ฉันมีเงิน 100 บาท
I have no money now. ฉันไม่มีเงินเลยตอนนี้
How much do you weigh? คุณหนักเท่าไหร่?
I weigh 60 kilos. ฉันหนัก 60 กิโลกรัม
How tall = สูงแค่ไหน
How tall are you? คุณสุงเท่าไหร่?
I am 180 cm. ฉันสูง 180 ซม.
How tall is she? เธอสูงแค่ไหน?
She is about 170 cm. เธอสูงประมาณ 170 ซม.
How high = สูงแค่ไหน (ถามสิ่งทึ่สูงมากๆ เช่น ตึก, ภูเขา)
How high is BaiYoke Building 2? ตึกใบหยก 2 สูงแค่ไหน?
It is 304 meters. มันสูง 304 เมตร (ข้อมูลจริงครับ)
How long = ยาวแค่ไหน, นานเท่าใด
How long is the ruler? ไม้บรรทัดยาวเท่าไหร่?
It is twelve inches long. มันยาว 12 นิ้ว
How long does it take to walk? มันใช้เวลานานแค่ไหร่ที่จะไป?
It takes only half an hour. มันใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง
How far = ไกลแค่ไหน
How far is it? มันไกลแค่ไหน?
It is about 2 kilometers from here. ประมาณ 2 กม. จากที่นี้
How often = บ่อยแค่ไหน
How often do you take a bath?
คุณอาบนำบ่อยแค่ไหน?
I take a bath twice a day.
ฉันอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง
How often does he visit his uncle?
เขาไปเยี่ยมลุงของเขาบ่อยแค่ไหน?
He visits his uncle every week.
เขาไปเยี่ยมลุงของเขาที่สัปดาห์
He never visits his uncle.
เขาไม่เคยไปเยี่ยมลุงของเขาเลย
How old = อายุเท่าไหร่
How old are you? คุณอายุกี่ปี?
I am 20 years old. ฉันอายุ 20 ปี
How old is he? เขาอายุเท่าไหร่?
He is just 30 years old. เขาเพิ่งจะมีอายุ 30 ปี
How fast = เร็วแค่ไหน
How fast can he drive?
คุณสามารถขับได้รถเร็วแค่ไหน?
He can drive at 130 kilometers an hour.
ฉันสามารถขับรถได้ 130 กม/ชม.
*********
อย่าลืมนะ ครับว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั้น
ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://www.kruteeworld.com/
มีเนื้อหาและใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ
ภาษาอังกฤษ: ประโยคคำถาม1
วันนี้มีเรื่องของประโยคคำถามในภาษาอังกฤษมา ฝากกันนะครับ
ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ
การตั้งประโยคคำถามตามหลักไวยกรณ์แล้วมี 3 ชนิด ได้แก่
1. Wh - question เป็นประโยคที่ขึ้นต้นด้วย คำเหล่านี้
What = อะไร ใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ
When = เมื่อไหร่ ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา
Where = ที่ไหน ใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่
Which = สิ่งไหน, อันไหน ใช้ถามเพื่อให้เลือกสิ่งต่างๆ
Why = ทำไม ใช้ถามเพื่อหาเหตุผล
Who = ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นประธานของประโยค
Whom = ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นกรรมของประโยค
Whose = ของใคร ใช้ถามความเป็นเจ้าของ
How = อย่างไร ใช้ถามเกี่ยวกับวิธีการ, สภาพการณ์
2. Yes - No question เป็นประโยคที่ขึ้นต้นด้วย คำกริยาช่วย
ใช้ถามเพื่อให้ตอบรับหรือตอบปฏิเสธ
3. Question tag เป็นคำถามสั่นๆที่อยู่ต่อท้ายประโยค
ใช้คำถามเพื่อให้เกิดความแน่ใจ
****************
****************
ต่อไปเรามาดูตัวอย่างประโยคคำถามกัน
กลุ่มที่1 Wh - question
what = อะไร ใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ
What is your name? คุณชื่ออะไร?
My name is Sorot. ฉันชื่อโสรส
What is his surname? นามสกุลของเขาคืออะไร?
His surname is Mee lab. นามสกุลของเขาคือ มีลาภ
What is your father? พ่อของคุณเป็นอะไร?
My father is an engineer. พ่อของฉันเป็นวิศวกร
What are they? พวกเขาเป็นอะไร
They are my students. พวกเขาเป็นนักเรียนของฉัน
What are you looking for? คุณกำลังมองหาอะไร?
I am looking for a Thai textbook. ฉันกำลังหาตำราวิชาภาษาไทย
An Thai textbook. ตำราวิชาภาษาไทยซักเล่ม
หมายเหตุ look for = มองหา, ค้นหา
What is in the cage? อะไรอยู่ในกรง?
A white tiger is in the cage. เสือขวาอยู่ในกรง
A white tiger. เสือขาวตัวหนึ่ง
What time is it? ตอนนี้เวลาอะไรแล้ว?
It is 9 o'clock. ตอนนี้ 9 โมง
9 o'clock. 9 โมง
What time did she go out? เธอออกไปตอนกี่โมง?
She went out at 10 o'clock. เธอออกไปตอน 10 โมง
At 10 o'clock. ตอน10 โมง
What size would you like to buy? ขนาดอะไรที่คุณต้องการซื้อ?
I would like to buy big size. ฉันต้องการซื้อขนาดใหญ่
Big size. ขนาดเล็ก
What color do you like most? คุณชอบสีอะไรมากที่สุด?
I like red. ฉันชอบสีแดง
Red. สีแดง
What kind of food do you like? คุณชอบอาหารประเภทไหน?
I like Thai food. ฉันชอบอาหารไทย
Thai food. อาหารไทย
What is she like? เธอเป็นคนแบบไหน?
She is a very nice woman. เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ
What is Bangkok like? กรุงเทพเป็นเมืองแบบไหน
It is an amazing city. มันเป็นเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ
What's happen? เกิดอะไรขึ้น?
What's the matter? เกิดอะไรขึ้น?
What's up? เกิดอะไรขึ้น?
หรือ สวัสดีใช้เป็นคำทักทายแบบไม่เป็นทางการ
ยกเว้นประโยคที่ขึ้นต้นด้วย What และจบท้ายแล้ว for?
จะแปลว่า ทำไม เช่น
What does she come here for?
= Why dose she come here? เธอมาที่นี่ทำไม?
She come here to find a job. เธอมาหางานทำที่นี่
*************
When = เมื่อไหร่ ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา
When do you go home? คุณกลับบ้านเมื่อไหร่?
I go home at 18.30. ฉันกลับมาบ้านตอน 18.30
I go home in the evening. ฉันกลับมาบ้านตอนเย็น
When did he go home yesterday? เมื่อวานคุณกลับบ้านตอนไหน?
I went home at 20.00 yesterday. เมื่อวานฉันกลับบ้านตอน 2 ทุ่ม
When will they arrive? เขาจะมาถึงตอนไหน?
They will arrvie at noon. เขาจะมาถึงตอนเที่ยงตรง
When will you do your homework? คุณจะทำการบ้านตอนไหน
This night. คืนนี้
************
Where = ที่ไหน ใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่
Where do you come from? คุณมาจากไหน?
I come from Thailand. ฉันมาจากประเทศไทย
Where is he going? เขาจะไปที่ไหน?
He is going to work. เขาจะไปที่ทำงาน
Where did she go last week? เธอไปไหนมาเมื่อสัปดาห์ก่อน?
She went to a hospital. เธอไปโรงพยาบาล
Where is your house? บ้านเธออยู่ที่ไหน
My house is on Silom Road. บ้านเธออยู่ที่ถนนสีลม
************
Which = สิ่งไหน, อันไหน ใช้ถามเพื่อให้เลือกสิ่งต่างๆ
Which is your book? อันไหนเป็นสมุดของคุณ
The red book. สมุดสีแดง
The red one. สมุดสีแดง
หมายเหตุ ในที่นี้ one ไม่ได้แปลว่า หนึ่ง
แต่ใช้เป็นคำสรรพนามแทนคำว่า สมุด
Which is her house? บ้านหลังไหนของคุณ?
The biggest house. บ้านหลังใหญ่ที่สุด
The biggest one. บ้านหลังใหญ่ที่สุด
Which pen do you like short or long?
ปากกาด้ามไหนที่คุณชอบ สั้นหรือยาว?
I like the long pen. ฉันชอบปากกาด้ามยาว
I like both. ฉันชอบทั้งคู่
Which is correct? อันไหนที่ถูกต้อง?
Which sentence is not correct? ประโยคไหนที่ไม่ถูกต้อง?
Which choice is best? ตัวเลือกใดดีที่สุด?
***********
Why = ทำไม ใช้ถามเพื่อหาเหตุผล
Why did you go to the book shop? ทำไมคุณถึงไปที่ร้านหนังสือ
I went to the book shop because I wanted buy some books.
ฉันไปร้านหนังสือเพราะฉันต้องการซื้อหนังสือ
I went to the book shop to buy some books.
ฉันไปร้านหนังสือเพื่อที่จะซื้อหนังสือบางเล่ม
I went to the book shop for some books.
ฉันต้องการไปร้านหนังสือเพื่อหาซื้อหนังสือ
Why did not he work yesterday?
ทำไมเขาไม่มาทำงานเมื่อวานนี้?
He did not work because he got sick.
เขาไม่มาทำงานเพราะเขาป่วย
He got sick.
เขาไม่สบาย
Why does she come late (today)?
ทำไมเธอมาสาย(วันนี้)?
She comes late because it is raining.
เธอมาสายเพราะฝนกำลังตก
It is raining today.
ฝนกำลังตก
ข้อสังเกต คำถามสุดท้ายที่ไม่ใช้ did เนื่องจาก เป็นการถามเหตุการณ์ที่ผู้ถาม พูดในวันนี้กันกับการมาสาย จึงยังถือว่าเป็นเหตุการณ์ในปัจจุบัน จึงใช้ does มาช่วย
************
พอแค่นี้ก่อนนะครับ กลัวพอเราจะเหนื่อยกันเอาไว้ ต่อกันตอนที่ 2
ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://www.kruteeworld.com/
มีเนื้อหาและใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ
ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ
การตั้งประโยคคำถามตามหลักไวยกรณ์แล้วมี 3 ชนิด ได้แก่
1. Wh - question เป็นประโยคที่ขึ้นต้นด้วย คำเหล่านี้
What = อะไร ใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ
When = เมื่อไหร่ ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา
Where = ที่ไหน ใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่
Which = สิ่งไหน, อันไหน ใช้ถามเพื่อให้เลือกสิ่งต่างๆ
Why = ทำไม ใช้ถามเพื่อหาเหตุผล
Who = ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นประธานของประโยค
Whom = ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นกรรมของประโยค
Whose = ของใคร ใช้ถามความเป็นเจ้าของ
How = อย่างไร ใช้ถามเกี่ยวกับวิธีการ, สภาพการณ์
2. Yes - No question เป็นประโยคที่ขึ้นต้นด้วย คำกริยาช่วย
ใช้ถามเพื่อให้ตอบรับหรือตอบปฏิเสธ
3. Question tag เป็นคำถามสั่นๆที่อยู่ต่อท้ายประโยค
ใช้คำถามเพื่อให้เกิดความแน่ใจ
****************
****************
ต่อไปเรามาดูตัวอย่างประโยคคำถามกัน
กลุ่มที่1 Wh - question
what = อะไร ใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ
What is your name? คุณชื่ออะไร?
My name is Sorot. ฉันชื่อโสรส
What is his surname? นามสกุลของเขาคืออะไร?
His surname is Mee lab. นามสกุลของเขาคือ มีลาภ
What is your father? พ่อของคุณเป็นอะไร?
My father is an engineer. พ่อของฉันเป็นวิศวกร
What are they? พวกเขาเป็นอะไร
They are my students. พวกเขาเป็นนักเรียนของฉัน
What are you looking for? คุณกำลังมองหาอะไร?
I am looking for a Thai textbook. ฉันกำลังหาตำราวิชาภาษาไทย
An Thai textbook. ตำราวิชาภาษาไทยซักเล่ม
หมายเหตุ look for = มองหา, ค้นหา
What is in the cage? อะไรอยู่ในกรง?
A white tiger is in the cage. เสือขวาอยู่ในกรง
A white tiger. เสือขาวตัวหนึ่ง
What time is it? ตอนนี้เวลาอะไรแล้ว?
It is 9 o'clock. ตอนนี้ 9 โมง
9 o'clock. 9 โมง
What time did she go out? เธอออกไปตอนกี่โมง?
She went out at 10 o'clock. เธอออกไปตอน 10 โมง
At 10 o'clock. ตอน10 โมง
What size would you like to buy? ขนาดอะไรที่คุณต้องการซื้อ?
I would like to buy big size. ฉันต้องการซื้อขนาดใหญ่
Big size. ขนาดเล็ก
What color do you like most? คุณชอบสีอะไรมากที่สุด?
I like red. ฉันชอบสีแดง
Red. สีแดง
What kind of food do you like? คุณชอบอาหารประเภทไหน?
I like Thai food. ฉันชอบอาหารไทย
Thai food. อาหารไทย
What is she like? เธอเป็นคนแบบไหน?
She is a very nice woman. เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ
What is Bangkok like? กรุงเทพเป็นเมืองแบบไหน
It is an amazing city. มันเป็นเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ
What's happen? เกิดอะไรขึ้น?
What's the matter? เกิดอะไรขึ้น?
What's up? เกิดอะไรขึ้น?
หรือ สวัสดีใช้เป็นคำทักทายแบบไม่เป็นทางการ
ยกเว้นประโยคที่ขึ้นต้นด้วย What และจบท้ายแล้ว for?
จะแปลว่า ทำไม เช่น
What does she come here for?
= Why dose she come here? เธอมาที่นี่ทำไม?
She come here to find a job. เธอมาหางานทำที่นี่
*************
When = เมื่อไหร่ ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา
When do you go home? คุณกลับบ้านเมื่อไหร่?
I go home at 18.30. ฉันกลับมาบ้านตอน 18.30
I go home in the evening. ฉันกลับมาบ้านตอนเย็น
When did he go home yesterday? เมื่อวานคุณกลับบ้านตอนไหน?
I went home at 20.00 yesterday. เมื่อวานฉันกลับบ้านตอน 2 ทุ่ม
When will they arrive? เขาจะมาถึงตอนไหน?
They will arrvie at noon. เขาจะมาถึงตอนเที่ยงตรง
When will you do your homework? คุณจะทำการบ้านตอนไหน
This night. คืนนี้
************
Where = ที่ไหน ใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่
Where do you come from? คุณมาจากไหน?
I come from Thailand. ฉันมาจากประเทศไทย
Where is he going? เขาจะไปที่ไหน?
He is going to work. เขาจะไปที่ทำงาน
Where did she go last week? เธอไปไหนมาเมื่อสัปดาห์ก่อน?
She went to a hospital. เธอไปโรงพยาบาล
Where is your house? บ้านเธออยู่ที่ไหน
My house is on Silom Road. บ้านเธออยู่ที่ถนนสีลม
************
Which = สิ่งไหน, อันไหน ใช้ถามเพื่อให้เลือกสิ่งต่างๆ
Which is your book? อันไหนเป็นสมุดของคุณ
The red book. สมุดสีแดง
The red one. สมุดสีแดง
หมายเหตุ ในที่นี้ one ไม่ได้แปลว่า หนึ่ง
แต่ใช้เป็นคำสรรพนามแทนคำว่า สมุด
Which is her house? บ้านหลังไหนของคุณ?
The biggest house. บ้านหลังใหญ่ที่สุด
The biggest one. บ้านหลังใหญ่ที่สุด
Which pen do you like short or long?
ปากกาด้ามไหนที่คุณชอบ สั้นหรือยาว?
I like the long pen. ฉันชอบปากกาด้ามยาว
I like both. ฉันชอบทั้งคู่
Which is correct? อันไหนที่ถูกต้อง?
Which sentence is not correct? ประโยคไหนที่ไม่ถูกต้อง?
Which choice is best? ตัวเลือกใดดีที่สุด?
***********
Why = ทำไม ใช้ถามเพื่อหาเหตุผล
Why did you go to the book shop? ทำไมคุณถึงไปที่ร้านหนังสือ
I went to the book shop because I wanted buy some books.
ฉันไปร้านหนังสือเพราะฉันต้องการซื้อหนังสือ
I went to the book shop to buy some books.
ฉันไปร้านหนังสือเพื่อที่จะซื้อหนังสือบางเล่ม
I went to the book shop for some books.
ฉันต้องการไปร้านหนังสือเพื่อหาซื้อหนังสือ
Why did not he work yesterday?
ทำไมเขาไม่มาทำงานเมื่อวานนี้?
He did not work because he got sick.
เขาไม่มาทำงานเพราะเขาป่วย
He got sick.
เขาไม่สบาย
Why does she come late (today)?
ทำไมเธอมาสาย(วันนี้)?
She comes late because it is raining.
เธอมาสายเพราะฝนกำลังตก
It is raining today.
ฝนกำลังตก
ข้อสังเกต คำถามสุดท้ายที่ไม่ใช้ did เนื่องจาก เป็นการถามเหตุการณ์ที่ผู้ถาม พูดในวันนี้กันกับการมาสาย จึงยังถือว่าเป็นเหตุการณ์ในปัจจุบัน จึงใช้ does มาช่วย
************
พอแค่นี้ก่อนนะครับ กลัวพอเราจะเหนื่อยกันเอาไว้ ต่อกันตอนที่ 2
ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://www.kruteeworld.com/
มีเนื้อหาและใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ
วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554
คณิตศาสตร์: ใบงานที่18 การหาค่ากลาง
เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง สถิติ
เป็นอีกเรื่องที่นักศึกษาต้องจำสูตรต่างๆ ให้ได้
ต่อไปนี้เป็นคำที่ควรจำความหมายให้ได้
ค่าเฉลี่ยเลขคณิต คือ การหาตัวแทนของข้อมูลโดยการ
นำตัวเลขทั้งหมดมารวมกันแล้วหารด้วยจำนวนตัวของตัวเลข
ฐานนิยม คือ การหาตัวแทนของข้อมูลโดยการ
ดูจากข้อมูลที่มีซ้ำกันมากที่สุด
มัธยฐาน คือ การหาตัวแทนของข้อมูลโดยการ
ดูจากตัวเลขที่อยู่ตรงกลางของข้อมูลทั้งหมดที่
เรียงลำดับดีแล้ว
Page 29 (แถว2)
แบบฝึกหัด จากข้อมูลแต่ละข้อ จงหาฐานนิยม
1. 10, 9, 9, 7, 8, 9, 11 จะได้ 9
2. 9.1, 6.2, 9.2, 9.4, 8.9, 9.2 จะได้ 9.2
3. 8, 7, 8, 10, 7, 7, 12, 11 จะได้ 7
แบบฝึกหัด จงหาฐานนิยมและมัธยฐาน ข้อมูลที่กำหนดให้
1. 4, 7, 5, 8, 8, 10, 11
ฐานนิยม คือ 8
เรียงลำดับข้อมูลจะได้ 4, 7, 5, 8, 8, 10, 11
มัธยฐาน เท่ากับ 8
2. 1, 3, 12, 3, 7, 3, 9, 9, 3
ฐานนิยม คือ 3
เรียงลำดับข้อมูลจะได้ 1, 3, 3, 3, 3, 7, 9, 9, 12
มัธยฐาน เท่ากับ 3
เป็นอีกเรื่องที่นักศึกษาต้องจำสูตรต่างๆ ให้ได้
ต่อไปนี้เป็นคำที่ควรจำความหมายให้ได้
ค่าเฉลี่ยเลขคณิต คือ การหาตัวแทนของข้อมูลโดยการ
นำตัวเลขทั้งหมดมารวมกันแล้วหารด้วยจำนวนตัวของตัวเลข
ฐานนิยม คือ การหาตัวแทนของข้อมูลโดยการ
ดูจากข้อมูลที่มีซ้ำกันมากที่สุด
มัธยฐาน คือ การหาตัวแทนของข้อมูลโดยการ
ดูจากตัวเลขที่อยู่ตรงกลางของข้อมูลทั้งหมดที่
เรียงลำดับดีแล้ว
Page 29 (แถว2)
แบบฝึกหัด จากข้อมูลแต่ละข้อ จงหาฐานนิยม
1. 10, 9, 9, 7, 8, 9, 11 จะได้ 9
2. 9.1, 6.2, 9.2, 9.4, 8.9, 9.2 จะได้ 9.2
3. 8, 7, 8, 10, 7, 7, 12, 11 จะได้ 7
แบบฝึกหัด จงหาฐานนิยมและมัธยฐาน ข้อมูลที่กำหนดให้
1. 4, 7, 5, 8, 8, 10, 11
ฐานนิยม คือ 8
เรียงลำดับข้อมูลจะได้ 4, 7, 5, 8, 8, 10, 11
มัธยฐาน เท่ากับ 8
2. 1, 3, 12, 3, 7, 3, 9, 9, 3
ฐานนิยม คือ 3
เรียงลำดับข้อมูลจะได้ 1, 3, 3, 3, 3, 7, 9, 9, 12
มัธยฐาน เท่ากับ 3
คณิตศาสตร์: ใบงานที่ 17 เซต
เรื่องของ เซต (เบื้องต้น)
เซตเป็นเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มของสิ่งต่างๆ ที่เราสนใจ เช่น กลุ่มของเพื่อนนักเรียนในห้อง
กลุ่มของสมาชิกในบ้าน
กลุ่มของหนังสือในห้องสมุด
กองสมุดที่อยู่บนโต๊ะ
กองทหารที่มาช่วยชาวบ้าน
ฝูงวัวที่อยู่ในทุ่ง
จากตัวอย่างที่ครู เขียนว่า คำว่า กลู่ม, กอง, ฝูง ใน
วิชาคณิตศาสตร์จะแทนด้วยคำว่า เซต นั้นเอง และ
เวลาที่เรียนเรื่องนี้ จะมีสัญลักษณ์ที่ต้องจำและ
ทำความเข้าใจ ค่อนข้างมากเลยรู้เหมือนยาก แต่ครู
ก็อยากบอกว่า มันไม่เกินความตั้งใจและความพยายาม
ของเราไปได้ นะครับ เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
เซตเป็นเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มของสิ่งต่างๆ ที่เราสนใจ เช่น กลุ่มของเพื่อนนักเรียนในห้อง
กลุ่มของสมาชิกในบ้าน
กลุ่มของหนังสือในห้องสมุด
กองสมุดที่อยู่บนโต๊ะ
กองทหารที่มาช่วยชาวบ้าน
ฝูงวัวที่อยู่ในทุ่ง
จากตัวอย่างที่ครู เขียนว่า คำว่า กลู่ม, กอง, ฝูง ใน
วิชาคณิตศาสตร์จะแทนด้วยคำว่า เซต นั้นเอง และ
เวลาที่เรียนเรื่องนี้ จะมีสัญลักษณ์ที่ต้องจำและ
ทำความเข้าใจ ค่อนข้างมากเลยรู้เหมือนยาก แต่ครู
ก็อยากบอกว่า มันไม่เกินความตั้งใจและความพยายาม
ของเราไปได้ นะครับ เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
คณิตศาสตร์: ใบงาน16 ปริมาตร
ตอนนี้เป็นตอนที่ต่อเนื่องมาจากตอนที่แล้วแต่เป็นอีกหัวข้อหนึ่ง
ปริมาตร หมายถึง ขนาดของความจุของรูปทรง 3 มิติ เช่น
นมกล่องกล่องขนาด 250 มิลลิลิตร,
ตู้ปลาขนาด 16 x 12 x 10 ลูกบาศ์กนิ้ว
พอจะนึกภาพออกแล้วก็มาดูโจทย์กัน
1. สระน้ำมีขนาด กว้าง, ยาว, สูง เท่ากับ 12, 10, 6 มีความจุกี่ลูกบาศก์เมตร
วิธีทำ ปริมาตรของปริซึม
= กว้าง×ยาว×สูง
= 12 × 10 × 6
= 720 ลูกบาศก์เมตร
= ด้าน × ด้าน× ด้าน
= 5 ×5 ×5
= 125 ลูกบาศก์เมตร
4. จากข้อ ลูกเต๋า 4 ลูก มีความจุเท่าไหร่
( เปลี่ยนโจทย์ตามตัวสีแดง )
วิธีทำ มีความจุ = 125 × 4 = 500 ลูกบาศก์เมตร
ปริมาตร หมายถึง ขนาดของความจุของรูปทรง 3 มิติ เช่น
นมกล่องกล่องขนาด 250 มิลลิลิตร,
ตู้ปลาขนาด 16 x 12 x 10 ลูกบาศ์กนิ้ว
พอจะนึกภาพออกแล้วก็มาดูโจทย์กัน
1. สระน้ำมีขนาด กว้าง, ยาว, สูง เท่ากับ 12, 10, 6 มีความจุกี่ลูกบาศก์เมตร
วิธีทำ ปริมาตรของปริซึม
= กว้าง×ยาว×สูง
= 12 × 10 × 6
= 720 ลูกบาศก์เมตร
3. ลูกเต๋าลูกหนึ่งมีขนาด 5 ซ.ม. จะมีปริมาตรเท่าไหร่
วิธีทำ ปริมาตรของลูกบาศก์= ด้าน × ด้าน× ด้าน
= 5 ×5 ×5
= 125 ลูกบาศก์เมตร
4. จากข้อ ลูกเต๋า 4 ลูก มีความจุเท่าไหร่
( เปลี่ยนโจทย์ตามตัวสีแดง )
วิธีทำ มีความจุ = 125 × 4 = 500 ลูกบาศก์เมตร
คณิตศาสตร์: ใบงานที่15 พื้นที่และปริมาตร
ตอนนี้เป็นเรื่องของพื้นที่และปริมาตร
เป็นเรื่องที่ไม่ยากแต่ต้องจำสูตรต่างๆให้ได้
ก่อนอื่นก็ต้องมาทำความเข้าใจกับคำว่าเส้นรอบรูปกับพื้นที่กันก่อน
เส้นรอบรูป หมายถึง ระยะทางรวมกันของเส้นขอบของรูป
ทั้งหมด 1 รอบ เช่น
บ้านนี้มีรั้วบ้านรอบบ้านยาว 100 เมตร
เดินรอบสวน 1 รอบเป็นระยะทาง 500 เมตร
พื้นที่ หมายถึง ขนาดของอาณาบริเวณปิดของรูป 2 มิติ เช่น
บ้านนี้มีพื้นที่ 100 ตารางวา,
มีที่นาอยู่ 4 ไร่
1. พ่อมีสวนดอกไม้เป็นรูปสี่เหลี่ยมกว้าง 8 เมตร ยาว 10 เมตร
ทุกวันพ่อจะเดินรอบสวนนี้วันละ 4 รอบ พ่อเดินรอบสวนนี้
เป็นระยะทางกี่เมตร
วิธีทำ เส้นรอบรูปสี่เหลี่ยม
= 2(กว้าง + ยาว)
= 2(8 + 10)
= 2×18
= 36
พ่อจะเดินรอบสวนนี้วันละ 4 รอบ
จะได้ระยะทาง 36×4 = 144 เมตร
2. จากข้อ 1 สวนดอกไม้นี้มีพื้นที่กี่ตารางเมตร
วิธีทำ พื้นที่สี่เหลี่ยม = กว้าง × ยาว = 8×10 = 80 ตารางเมตร
3. สี่เหลี่ยมรูปหนึ่งมีพื้นที่ 60 ตารางเมตร กว้าง 5 เมตรจะยาวกี่เมตร
วิธีทำ พื้นที่สี่เหลี่ยม = กว้าง × ยาว
60 = 5 × ยาว
ยาว = 60 / 5
= 12 เมตร
6. ลูกเต๋าลูกหนึ่งมีความกว้าง 2 ซ.ม. ลูกเต๋าลูกนี้
มีพื้นผิวทั้งหมดเท่าไหร่
วิธีทำ แต่ละหน้าของลูกเต๋าเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งมี 6 หน้า
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส = ด้าน × ด้าน = 2×2 = 4 ตาราง ซม.
ลูกเต๋าลูกนี้มีพื้นผิวทั้งหมด = 4×6 = 24 ตร.ซม.
*** สู้...สู้....อย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะครับ ***
เป็นเรื่องที่ไม่ยากแต่ต้องจำสูตรต่างๆให้ได้
ก่อนอื่นก็ต้องมาทำความเข้าใจกับคำว่าเส้นรอบรูปกับพื้นที่กันก่อน
เส้นรอบรูป หมายถึง ระยะทางรวมกันของเส้นขอบของรูป
ทั้งหมด 1 รอบ เช่น
บ้านนี้มีรั้วบ้านรอบบ้านยาว 100 เมตร
เดินรอบสวน 1 รอบเป็นระยะทาง 500 เมตร
พื้นที่ หมายถึง ขนาดของอาณาบริเวณปิดของรูป 2 มิติ เช่น
บ้านนี้มีพื้นที่ 100 ตารางวา,
มีที่นาอยู่ 4 ไร่
1. พ่อมีสวนดอกไม้เป็นรูปสี่เหลี่ยมกว้าง 8 เมตร ยาว 10 เมตร
ทุกวันพ่อจะเดินรอบสวนนี้วันละ 4 รอบ พ่อเดินรอบสวนนี้
เป็นระยะทางกี่เมตร
วิธีทำ เส้นรอบรูปสี่เหลี่ยม
= 2(กว้าง + ยาว)
= 2(8 + 10)
= 2×18
= 36
พ่อจะเดินรอบสวนนี้วันละ 4 รอบ
จะได้ระยะทาง 36×4 = 144 เมตร
2. จากข้อ 1 สวนดอกไม้นี้มีพื้นที่กี่ตารางเมตร
วิธีทำ พื้นที่สี่เหลี่ยม = กว้าง × ยาว = 8×10 = 80 ตารางเมตร
3. สี่เหลี่ยมรูปหนึ่งมีพื้นที่ 60 ตารางเมตร กว้าง 5 เมตรจะยาวกี่เมตร
วิธีทำ พื้นที่สี่เหลี่ยม = กว้าง × ยาว
60 = 5 × ยาว
ยาว = 60 / 5
= 12 เมตร
มีพื้นผิวทั้งหมดเท่าไหร่
วิธีทำ แต่ละหน้าของลูกเต๋าเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งมี 6 หน้า
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส = ด้าน × ด้าน = 2×2 = 4 ตาราง ซม.
ลูกเต๋าลูกนี้มีพื้นผิวทั้งหมด = 4×6 = 24 ตร.ซม.
*** สู้...สู้....อย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะครับ ***
คณิตศาสตร์: ใบงานที่14 อัตราตรีโกณมิติ
วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554
คณิตศาสตร์: ใบงานที่13 อัตราส่วน
เรื่องอัตราส่วน
สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับเรื่องของเศษส่วน
ถ้าเข้าใจเรื่องเศษส่วนเรื่องนี้ก็ไม่ยาก
อัตราส่วน หมายถึง การเปรียบเทียบระหว่าง
จำนวน 2 จำนวน สัญลักษณ์ a : b (อ่านว่า a ต่อ b)
จงหา x : y : z
วิธีทำ สังเกตตัวที่ซ้ำกันคือ y ทำให้ y ทั้ง 2 อัตราเท่ากัน
โดยการหาค.ร.น. ของ 2 กับ 3 คือ 6
จะได้ x : y = 7×3 : 2×3 = 21 : 6
และ y : z = 3×2 : 5×2 = 6 : 10
นั่นคือ x : y : z = 21 : 6 : 10
2. ให้ x : y เท่ากับ 8 : 3 และ y : z เท่ากับ 4 : 7
จงหา x : y : z
วิธีทำ สังเกตตัวที่ซ้ำกันคือ y ทำให้ y ทั้ง 2 อัตราเท่ากัน
โดยการหาค.ร.น. ของ 3 กับ 4 คือ 12จะได้ x : y = 8×4 : 3×4 = 32 : 12และ y : z = 4×3 : 7×3 = 12 : 21
นั่นคือ x : y : z = 32 : 12: 21
3. ให้ a : b เท่ากับ 4 : 9 และ b : c เท่ากับ 3 : 5
จงหา a : b : c
วิธีทำ สังเกตตัวที่ซ้ำกันคือ b
ทำให้ ทำให้ b ทั้ง 2 อัตราเท่ากัน
โดยการหาค.ร.น. ของ 9 กับ 3 คือ 9จะได้ x : y = 4: 9
และ y : z = 3×3 : 5×3 = 9 : 15
นั่นคือ x : y : z = 4 : 9: 15
เสร์จแล้วอย่าลืม ใส่ชื่อนักศึกษา ศูนย์การเรียน เวลา ด้วยนะครับ
สำหรับผู้ที่ผ่านมาดูมาก็ร่วมใส่ความคิดเห็นได้ครับ
ไม่ต้องใช้ชื่อก็ได้ ขอบคุณมากๆ...
สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับเรื่องของเศษส่วน
ถ้าเข้าใจเรื่องเศษส่วนเรื่องนี้ก็ไม่ยาก
อัตราส่วน หมายถึง การเปรียบเทียบระหว่าง
จำนวน 2 จำนวน สัญลักษณ์ a : b (อ่านว่า a ต่อ b)
อัตาส่วนต่อเนื่อง Page 22 (แถว1)
อัตาส่วนต่อเนื่อง เป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างอัตราส่วน
2 อัตราขึ้นไป
อัตาส่วนต่อเนื่อง เป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างอัตราส่วน
2 อัตราขึ้นไป
ตัวอย่าง
1. ให้ x : y เท่ากับ 7 : 2 และ y : z เท่ากับ 3 : 5 จงหา x : y : z
วิธีทำ สังเกตตัวที่ซ้ำกันคือ y ทำให้ y ทั้ง 2 อัตราเท่ากัน
โดยการหาค.ร.น. ของ 2 กับ 3 คือ 6
จะได้ x : y = 7×3 : 2×3 = 21 : 6
และ y : z = 3×2 : 5×2 = 6 : 10
นั่นคือ x : y : z = 21 : 6 : 10
2. ให้ x : y เท่ากับ 8 : 3 และ y : z เท่ากับ 4 : 7
จงหา x : y : z
วิธีทำ สังเกตตัวที่ซ้ำกันคือ y ทำให้ y ทั้ง 2 อัตราเท่ากัน
โดยการหาค.ร.น. ของ 3 กับ 4 คือ 12จะได้ x : y = 8×4 : 3×4 = 32 : 12และ y : z = 4×3 : 7×3 = 12 : 21
นั่นคือ x : y : z = 32 : 12: 21
3. ให้ a : b เท่ากับ 4 : 9 และ b : c เท่ากับ 3 : 5
จงหา a : b : c
วิธีทำ สังเกตตัวที่ซ้ำกันคือ b
ทำให้ ทำให้ b ทั้ง 2 อัตราเท่ากัน
โดยการหาค.ร.น. ของ 9 กับ 3 คือ 9จะได้ x : y = 4: 9
และ y : z = 3×3 : 5×3 = 9 : 15
นั่นคือ x : y : z = 4 : 9: 15
เสร์จแล้วอย่าลืม ใส่ชื่อนักศึกษา ศูนย์การเรียน เวลา ด้วยนะครับ
สำหรับผู้ที่ผ่านมาดูมาก็ร่วมใส่ความคิดเห็นได้ครับ
ไม่ต้องใช้ชื่อก็ได้ ขอบคุณมากๆ...
คณิตศาสตร์: ใบงานที่12 ร้อยละ
เรื่องของร้อยละและเปอร์เซ็นต์
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ยากเลย ถ้าคุณลองนำไป
คิดเปรียบเทียบกับเรื่องของดอกเบี้ยเงินกู้ หรือไม่ก็
การลดราคาสินค้าตามห้าง ทุกคนคงพอนึกออก
แต่จะมีวิธีการคิด การเขียน อย่างไร ให้ถูกต้องก็ต้อง
ลองมาอ่านดูกัน
ร้อยละ หรือ เปอร์เซ็นต์ หมายถึง การเปรียบเทียบ
จำนวนว่ามีอยู่เป็นเท่าไหร่เมื่อเทียบกับ 100
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ยากเลย ถ้าคุณลองนำไป
คิดเปรียบเทียบกับเรื่องของดอกเบี้ยเงินกู้ หรือไม่ก็
การลดราคาสินค้าตามห้าง ทุกคนคงพอนึกออก
แต่จะมีวิธีการคิด การเขียน อย่างไร ให้ถูกต้องก็ต้อง
ลองมาอ่านดูกัน
ร้อยละ หรือ เปอร์เซ็นต์ หมายถึง การเปรียบเทียบ
จำนวนว่ามีอยู่เป็นเท่าไหร่เมื่อเทียบกับ 100
* * * * *
ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://kruteeworld.siamvip.com/
มีเนื้อหาและใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ
การใส่ความคิดเห็นใต้บทความ
เนื่องจากมีหลายคนเข้ามาดูแล้วใส่ความคิดเห็นไม่ได้
วันนี้ครูมีวิธีการทำ ให้พวกทำตามกันง่าย ๆ
1 หลังจากเข้ามาที่เว็บไซด้แล้วจะขึ้นหน้าเป็นบทความรวมๆ หลาย
บทความให้ ตรงนี้ให้นักเรียนไปเลือกที่บทความที่ต้องการอ่าน
ทางด้านซ้ายก่อน
2. หลังจากที่อ่านบทความแล้ว ที่ด้านล่างจากมีช่องใส่ความคิดเห็น
ให้พิมพ์ชื่อ นามสกุล ชื่อศูนย์การเรียนของพวกเรา
*** ตรงนี้บุคคลทั่วไปใส่แต่ชื่อ ก็พอครับ
และพิมพ์สิ่งที่อยากเขียนลงในนี้ได้ (ขอเป็นคำที่สุภาพนะครับ)
ที่ช่องแสดงความคิดเห็นในฐานะ ให้เลือกไปที่ ไม่ระบุชื่อ
แล้วกดที่ปุ่มส่งบทความ
วันนี้ครูมีวิธีการทำ ให้พวกทำตามกันง่าย ๆ
1 หลังจากเข้ามาที่เว็บไซด้แล้วจะขึ้นหน้าเป็นบทความรวมๆ หลาย
บทความให้ ตรงนี้ให้นักเรียนไปเลือกที่บทความที่ต้องการอ่าน
ทางด้านซ้ายก่อน
2. หลังจากที่อ่านบทความแล้ว ที่ด้านล่างจากมีช่องใส่ความคิดเห็น
ให้พิมพ์ชื่อ นามสกุล ชื่อศูนย์การเรียนของพวกเรา
*** ตรงนี้บุคคลทั่วไปใส่แต่ชื่อ ก็พอครับ
และพิมพ์สิ่งที่อยากเขียนลงในนี้ได้ (ขอเป็นคำที่สุภาพนะครับ)
ที่ช่องแสดงความคิดเห็นในฐานะ ให้เลือกไปที่ ไม่ระบุชื่อ
แล้วกดที่ปุ่มส่งบทความ
3. พิมพ์คำที่อยู่ในภาพอีกครึ่งหนึ่งในช่องด้านล่าง
แล้วกดที่ปุ่มส่งความคิดเห็น ก็เรียบร้อบแล้วครับ
วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554
คณิตศาสตร์: ใบงานที่11 การแทนค่า
การแทนค่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อาจจะทำให้หลายคนงงๆ ได้แต่ขอ
ให้ลองทำความเข้าใจแบบนี้ก่อน คือ หัวใจของเรื่องนี้อยู่ที่
การเปลี่ยนจากตัวแปรให้เป็นตัวเลข แล้วทำการคำนวน
ออกมาให้ได้คำตอบ
การนำไปใช้
ข้อใดเป็นคำตอบของสมการ y = 2x + 1
1) (0, 1) คำตอบ ใช่
แทนค่า x = 0 และ y = 1
จะได้ 1 = 2×0 + 1 = 1 เป็นจริง
2) (3, 7) คำตอบ ใช่
แทนค่า x = 3 และ y = 7
จะได้ 7 = 2×3 + 1 = 7 เป็นจริง
3) (–2, –3) คำตอบ ใช่
แทนค่า x = –2 และ y = –3
จะได้ –3 = 2× (–2) + 1 = –3 เป็นจริง
4) (5, –11) คำตอบ ไม่ใช่
แทนค่า x = 5 และ y = –11
จะได้ –11 = 2× 5 + 1 = 11 เป็นเท็จ
ข้อใดเป็นคำตอบของระบบสมการ
2x + y = 1 และ x – y = 3
1) (2, –1)
แทนค่า x = 2 และ y = –1
2x + y = 1 x – y = 3
2×2 –1 = 1 2 – (–1) = 3
4 – 1 = 1 2 + 1 = 3
3 = 1 เท็จ 3 = 3 จริง
ดังนั้น (2, –1) ไม่เป็นคำตอบของระบบสมการนี้
2) (1, –1)
แทนค่า x = 1 และ y = –1
2x + y = 1 x – y = 3
2×1 – (–1) = 1 1 – (–1) = 3
2+1 = 1 1 + 1 = 3
3 = 1 เท็จ 2 = 3 เท็จ
ดังนั้น (1, –1) ไม่เป็นคำตอบของระบบสมการนี้
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อาจจะทำให้หลายคนงงๆ ได้แต่ขอ
ให้ลองทำความเข้าใจแบบนี้ก่อน คือ หัวใจของเรื่องนี้อยู่ที่
การเปลี่ยนจากตัวแปรให้เป็นตัวเลข แล้วทำการคำนวน
ออกมาให้ได้คำตอบ
การนำไปใช้
ข้อใดเป็นคำตอบของสมการ y = 2x + 1
1) (0, 1) คำตอบ ใช่
แทนค่า x = 0 และ y = 1
จะได้ 1 = 2×0 + 1 = 1 เป็นจริง
2) (3, 7) คำตอบ ใช่
แทนค่า x = 3 และ y = 7
จะได้ 7 = 2×3 + 1 = 7 เป็นจริง
3) (–2, –3) คำตอบ ใช่
แทนค่า x = –2 และ y = –3
จะได้ –3 = 2× (–2) + 1 = –3 เป็นจริง
4) (5, –11) คำตอบ ไม่ใช่
แทนค่า x = 5 และ y = –11
จะได้ –11 = 2× 5 + 1 = 11 เป็นเท็จ
ข้อใดเป็นคำตอบของระบบสมการ
2x + y = 1 และ x – y = 3
1) (2, –1)
แทนค่า x = 2 และ y = –1
2x + y = 1 x – y = 3
2×2 –1 = 1 2 – (–1) = 3
4 – 1 = 1 2 + 1 = 3
3 = 1 เท็จ 3 = 3 จริง
ดังนั้น (2, –1) ไม่เป็นคำตอบของระบบสมการนี้
2) (1, –1)
แทนค่า x = 1 และ y = –1
2x + y = 1 x – y = 3
2×1 – (–1) = 1 1 – (–1) = 3
2+1 = 1 1 + 1 = 3
3 = 1 เท็จ 2 = 3 เท็จ
ดังนั้น (1, –1) ไม่เป็นคำตอบของระบบสมการนี้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)