วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันอาสาฬหบูชา 2-8-55

เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชาและในวันพรุ่งเป็น
วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญของพวกเราชาวพุทธ
ทั้ง 2 วันติดกัน เป็นโอกาสดีเราจะได้เข้าวัดทำบุญ
และได้และหยุดพักผ่อน อีก 2 วัน ผมขอร่วมบุญด้วย
การนำกลอนธรรมดี จากหนังสือบรมธรรม 35
ชุดคู่มือเพื่อการสร้างสรรค์ชีวิต
คติธรรมแห่งฟ้าอภัยบาป (1)
ของสมาคมเผยแผ่คุณธรรม “เต็กก่า” จีจินเกาะ
มาให้พวกเราได้อ่านกัน

หน้า 53
สัมมา  คือ ความดีงามควรปฏิบัติ
ปธาน  คือเพียรมนัสไม่ขัดข้อง
สี่  ข้อธรรมอันเป็นทางเป็นครรลอง
เหตุ  อันผ่องผุดผาดสะอาดงาม
แห่ง  หนใดใจเพียรชอบประกอบกิจ
ความ  ทั้งนั้นย่อมสัมฤทธิ์กิจประสาน
ดี  ด้วยความเพียรมั่นเป็นต้นทาง
งาม  ด้วยย่างดำเนินไปโดยพากเพียร
ของ  อันมีความดีงามเป็นทางทิศ
ชีวิต  จึ่งสัมฤทธิ์ไม่ผิดเพี้ยน
พึง  ตั้งมั่นในมานะวิริยะพากเพียร
พิศ  ดังนี้จงหมั่นเพียรเรียนรู้ธรรม
เป็น  มนุนย์สุดประเสริฐเลิศด้วยเพียร
หลัก  ชีวิตไม่แผกเพี้ยนเป็นฉนำ
คุณ  ค่าคนอยู่ที่มีมานะประจำ
ธรรม  เลิศล้ำจึงบำเพ็ญเห็นแจ้งจริง

สัมมาปธานสี่ คือหลักธรรมสี่ประการอันจะยังให้มนุษย์มีความเพียรโดยชอบ ประกอบด้วย
1. สังวรปธาน คือ ความเพียรระวัง ยับยั้ง ปิดกั้นมิให้บาปอกุศลที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้นมา
2. ปหานปธาน คือ ความเพียรละขจัด กำจัดบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดสิ้นไป
3. ภาวนาปธาน คือ ความเพียรเจริญ ก่อให้เกิดกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดมีขึ้น
4. อนุรักขนาปธาน คือ ความเพียรรักษา ดูแลให้กุศลธรรมอันบังเอิญขึ้นแล้วให้ตั้งมั่นดำรงอยู่โดยเจริญงอกงามเติบโตจึงพร้อมด้วยความไพบูลย์

หน้า 46
พรหม  เทพมีใจบริสุทธิ์ฉุดช่วยสรรพสัตว์
วิหาร  คือดวงมนัสจำรัสสดใส
สี่  สถานเป็นหลักธรรมอันอำไพ
เหตุ  นี้ไซร้ใจจึงเป็นที่อยู่แห่งพรหม
แห่ง  หนใดที่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่
ความ  จงรู้ดูที่ใจใฝ่กุศล
ประเสริฐ  สุดด้วยจิตคิดมงคล
บริสุทธิ์  ผลกมลธรรมตั้งกลางใจ
ของ  มนุษย์ทุกผู้นามวานควรพิศ
ชีวิต  หนอหนึ่งชีวิตจิตผ่องใส
พึง  มีพรหมวิหารธรรมประจำใจ
พิศ  เห็นไซร้ให้บำเพ็ญเป็นครรลอง
เป็น  มนุษย์สุดประเสริฐเลิศเหมือนพรหม
หลัก  ธรรมมีในใจตนตนจงผุดผ่อง
คุณ  ค่าอยู่โดยรู้ธรรมนำครรลอง
ธรรม  ทั้งผองย่อมมีใจเป็นต้นทาง

พรหมวิหารธรรมสี่ คือ หลักธรรมอันเป็นเครื่องอยู่ที่ประเสริฐสี่ประการ เป็นธรรมประจำใจที่ประเสริฐเลิศล้ำเป็นหลักความประพฤติที่ประเสริฐบริสุทธิ์ และเป็นหลักธรรมอันพึงมีไว้ประจำใจเพื่อใช้กำกับความประพฤติ ยังให้ชีวิตได้โดยหมดจดงดงาม มีการปฏิบัติตนต่อผู้อื่นโดยชอบ ประกอบด้วยข้อธรรมสี่ประกอบ ดังนี้
1. เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขมีจิตไมตรี คิดประกอบบำเพ็ญประโยชน์แก่มนุษย์โดยทั่วหน้า
2. กรุณา คือ ความสงสาร คิดช่วยผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ มีจิตอารีโอบอ้อม หมายเกื้อกูลช่วยเหลือสรรพชีวิตด้วยการปลดเปลื้อง บำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของสรรพสัตว์ให้หมดสิ้นไป
3. มุทิตา คือ ความยินดีในเมื่อผู้อื่นมีความอยู่ดีเป็นสุข มีจิตใจบันเทิงเบิกบาน แช่มชื่น พลอยยินดีเมื่อผู้อื่นมีความอยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญงอกงามยิ่งขึ้น
4. อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง มีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรม ไม่โอนเอนไปด้วยความชอบชัง รู้สงบวางเฉย โดยพิจารณาเห็นความเป็นไปของผู้อื่นตามหลักแห่งธรรม

เมตตาจิตคิดผู้อื่นมีความสุข
ถ้วนมนุษย์สุขเกษมเปรมหรรษา
กรุณาโดยสงสารคนผู้ทุกชีวา
มีเวทนาอนาทรผู้ร้อนภัย
มุทิตาพลอยยินดีคนมีสุข
เขาไร้ทุกข์เราก็ร่วมสุขผ่องใส
อุเบกขารู้สงบเฉยรู้วางใจ
พิศให้เห็นความเป็นไปตามหลักธรรม
พรหมวิหารสี่ประการธรรมข้างต้น
ใช้กำกับประพฤติตนมิถลำ
ต้องหมั่นมีให้คู่ใจเป็นประจำ
จึงเลิศล้ำดังหนึ่งพรหมจงเข้าใจ
นี้เป็นธรรมอันประเสริญบริสุทธิ์
ที่มนุษย์ทุกผู้นามควรมีไว้
ให้กำกับความประพฤกำกับใจ
เป็นพรชัยของชีวิตทุกผู้คน

ขอให้ทุกคนทุกคน มีความสุข มีความเจริญ
ประกอบการงานทุกอย่าง ด้วยสัมมาสติ ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น