1. He ____ two sons.
1) has 2) have 3) eat 4) has to
เฉลยข้อที่ 1
ประโยคนี้แปลว่า เขามีลูกชาย 2 คน
ดังนั้นประโยคนี้จึงขาดคำกริยาว่า มี
จากความหมาย เป็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดในปัจจุบัน
ซึ่งต้องใช้ Present Simple Tense
และประธาน คือ He เป็นเอกพจน์
ดังนั้นคำกริยาที่ตามมาต้องเป็นกริยาช่องที่ 1
has = มี (ใช้กับประธานเอกพจน์)
have = มี (ใช้กับประธานพหูพจน์)
eat = กิน
has to = ต้อง (เป็นกริยาช่วย)
2. I _____ noodle yesterday.
1) eat 2) ate 3) eaten 4) has
เฉลยข้อที่ 2
ประโยคนี้แปลว่า ฉันกินก๋วยเตี๋ยวเมื่อวานนี้
ดังนั้นประโยคนี้จึงขาดคำกริยาว่า กิน, ทาน
และจากคำว่า yesterday = เมื่อวานนี้
ทำให้ทราบว่า เป็นเหตุกาณ์ที่เกิดในอดีต
ซึ่งต้องใช้ Past Simple Tense
และประธาน คือ I เป็นพหูพจน์
ดังนั้นคำกริยาที่ตามมาต้องเป็นกริยาช่องที่ 2
eat = กิน (เป็นกริยาช่องที่ 1)
ate = กิน (เป็นกริยาช่องที่ 2)
eaten =กิน (เป็นกริยาช่องที่ 3)
has = มี, กิน (เป็นกริยาช่องที่ 1)
คำศัพท์อื่นๆ
noodle = ก๋วยเตี๋ยว yesterday = เมื่อวานนี้
3. She ______ to Japan last month.
1) go 2) went 3) see 4) saw
เฉลยข้อที่ 2
ประโยคนี้แปลว่า เธอไปญี่ปุ่นเมื่อเดือนก่อน
ดังนั้นประโยคนี้จึงขาดคำกริยาว่า ไป
และจากคำว่า last month = เมื่อวานนี้
ทำให้ทราบว่า เป็นเหตุกาณ์ที่เกิดในอดีต
ซึ่งต้องใช้ Past Simple Tense
และประธาน คือ She เป็นเอกพจน์
ดังนั้นคำกริยาที่ตามมาต้องเป็นกริยาช่องที่ 2
go = ไป (เป็นกริยาช่องที่ 1)
went = ไป (เป็นกริยาช่องที่ 2)
see = เห็น (เป็นกริยาช่องที่ 1)
saw = เห็น (เป็นกริยาช่องที่ 2)
คำศัพท์อื่นๆ
Japan = ประเทศญี่ปุ่น
month = เดือน
4. We _____ here two weeks ago.
1) come 2) came 3) become 4) became
เฉลยข้อที่ 2
ประโยคนี้แปลว่า พวกเรามาที่นี้แล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ดังนั้นประโยคนี้จึงขาดคำกริยาว่า มา
และจากคำว่า two weeks ago = เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ทำให้ทราบว่า เป็นเหตุกาณ์ที่เกิดในอดีต
ซึ่งต้องใช้ Past Simple Tense
และประธาน คือ we เป็นเอกพจน์
ดังนั้นคำกริยาที่ตามมาต้องเป็นกริยาช่องที่ 2
come = มา (เป็นกริยาช่องที่ 1)
came = มา (เป็นกริยาช่องที่ 2)
become = กลายเป็น (เป็นกริยาช่องที่ 1)
became = กลายเป็น (เป็นกริยาช่องที่ 2)
5. I ______ football when I was young.
1) played 2) study 3) write 4) did
เฉลยข้อที่ 2
ประโยคนี้แปลว่า ฉันเล่นฟุตบอลตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก
ดังนั้นประโยคนี้จึงขาดคำกริยาว่า เล่น
และจากคำว่า when I was young = ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก
ทำให้ทราบว่า เป็นเหตุกาณ์ที่เกิดในอดีต
ซึ่งต้องใช้ Past Simple Tense
และประธาน คือ I เป็นพหูพจน์
ดังนั้นคำกริยาที่ตามมาต้องเป็นกริยาช่องที่ 2
played = เล่น (เป็นกริยาช่องที่ 2 ของ play)
study = เรียน (เป็นกริยาช่องที่ 1)
write = เขียน (เป็นกริยาช่องที่ 1)
did = ทำ (เป็นกริยาช่องที่ 1 ของ do)
6. He ____ born in 1859.
1) were 2) meet 3) was 4) ride
เฉลยข้อที่ 3
ประโยคนี้แปลว่า เขาเกิดในปี 1859
ดังนั้นประโยคนี้จึงขาดคำกริยาว่า เกิด
และจากคำว่า in 1859 = ในปี1859
ทำให้ทราบว่า เป็นเหตุกาณ์ที่เกิดในอดีต
ซึ่งต้องใช้ Past Simple Tense
และประธาน คือ He เป็นเอกพจน์
ดังนั้นคำกริยาที่ตามมาต้องเป็นกริยาช่องที่ 2
และสำนวนที่จะบอกว่า ใครเกิดเมื่อไหร่
คือ was / were born in (ปีที่เกิด)
คำศัพท์อื่นๆ
born = เกิด
were = เป็น, อยู่, คือ (เป็นกริยาช่องที่ 2 ของ are)
meet = พบ (เป็นกริยาช่องที่ 1)
was = เป็น, อยู่, คือ (เป็นกริยาช่องที่ 2 ของ is)
ride = ขี่ (เป็นกริยาช่องที่ 1)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น