วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

ภาษาอังกฤษ-รายการอาหาร2

วันนี้เป็นภาคต่อนะครับ เป็นรายการกับข้าวแบบไทยปนจีน
เชิญเลือกได้ตามใจเลยครับ...


กะเพราไก่    Stir fried chicken with chili and basil
เกี๊ยวกรอบ   fried wonton
ไก่ทอด    fried chicken
ไก่ผัดขิง    chicken fried with ginger
ไก่ผัดขิง    Stir-fried chicken with ginger
ไก่ผัดใบกะเพรา   chicken fried in holy basil

ไก่ผัดพริก    chicken fried with chilies
ไก่ผัดเม็ดมะม่วง   Chicken Fried with Cashew Nuts and Chili
ไก่ผัดเม็ดมะม่วง   chicken fried with cashews
ไก่ผัดเม็ดมะม่วง    Fried chicken meat with cashew nut

ไก่พะโล้    Chicken in Chinese five spices soup
ไก่ย่าง    Grilled Chicken
ไก่ห่อใบเตย   Chicken fried in Pandan leaves
ไก่ห่อใบเตย   Fried Chicken in Pandanus Leaves
ไก่อบ    Roast chicken

คะน้าหมูกรอบ   Stir-fried Kale/Chinese spinach with crispy pork
ซุบหน่อไม้   Bamboo shoot spicy salad
ทอดมันกุ้ง   Deep fried shrimp cakes
ทอดมันปลา    Curried fish cake
ทอดมันปลากราย    Deep-fried curried fish patties

น้ำตกเนื้อ    Grilled beef with spicy salad
น้ำพริกเผา    Roasted chili paste/ Black chili paste
น้ำพริกอ่อง    Fried Ground Pork and Shrimp with Chilies
เนื้อผัดน้ำมันหอย    beef in oyster sauce

เป็ดตุ๋น    duck soup
เป็ดพะโล้    Duck meat in chinese five spices soup
เป็ดย่าง     roast duck
เปาะเปี๊ยะ    spring rolls
แปะเปี๊ยะทอด   Deep Fried Spring Rolls
แปะเปี๊ยะสด    Fresh spring rolls

ผักบุ้งไฟแดง    morning-glory vine fried in garlic, chili and bean sauce
ผัดผักรวม   stir-fried mixed vegetables
ผัดผักรวมมิตรกุ้ง    Stir fried vegetables and shrimps
มัสมันเนื้อ   Maseman curry with beef

ยำเนื้อ    hot and sour, grilled beef salad
ยำเนื้อย่าง   Spicy Barbecued Beef Salad
ยำปลาดุกฟู    Deep Fried Fish with Mango Sauce
ยำผักบุ้งกรอบ    Crispy deep fried morning glory salad
ยำวุ้นเส้น    cellophane noodle salad
ยำวุ้นเส้น    Spicy glass noodle salad
ยำหมูย่าง    Spicy grilled pork salad

ลาบไก่/ลาบเนื้อ   spicy chicken or beef salad
ลาบหมู    Spicy minced pork salad with chili and herbs
ลาบหมู    Spicy Ground Pork Salad
ส้มตำ      spicy green papaya salad
ส้มตำ      Spicy papaya salad
ไส้อั่ว       Northern-style Thai pork sausage
หมี่กรอบ   Sweet crispy noodles

หมูสะเต๊ะ    Barbecued Pork Skewers with Peanut Sauce
หมูสะเต๊ะ    skewers of barbecued meat
ห่อหมกปลา    Steamed curried fish

ทะเล
ก้ามปูนึ่ง    steamed crab claws
กุ้งชุบแป้งทอด    batter-fried prawns
กุ้งชุบแป้งทอด    batter-fried prawns
กุ้งทอด    fried prawns
กุ้งผัดเปรียวหวาน    Sweet and Sour Shrimp

กุ้งผัดผงกระหรี่   Fried Shrimps in Curry Powder
กุ้งผัดพริกเผา    prawns fried with chilies
กุ้งเผา    grilled prawns
กุ้งมังกร     spiny lobster
กุ้งอบวุ้นเส้น    Steamed Glass Noodles with Shrimp

ปลาหมึกผัดเผ็ด   spicy fried squid
ปลาหมึกย่าง    roast squid
ปูจ๋า    Savoury crab meat
ปูนึ่ง    steamed crap
ปูผัดผงกะหรี่    Fried crab in yellow curry
ปูผัดผงกะหรี่    Stir-fried crab with curry powder

ยำปลาหมึก    Spicy squid salad
วุ้นเส้นอบปู    cellophane noodles barked with crap
หอยทอด       oysters fried in egg batter
หูฉลาม    shark-fin soup

เป็นยังไงบ้างจุใจไม่ครับแล้วพบกับตอนต่อไปครับ...

ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง  http://www.kruteeworld.com/ มีเนื้อหาและใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี
เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ
* * * * *

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

ภาษาอังกฤษ-รายการอาหาร1

วันนี้ครูรวบรวมเอารายการอาหาร(Menu) ที่สนใจ
มาฝากครับให้ดูกัน

ข้าว

ข้าวแกง   curry over rice
ข้าวแกง   Rice and curry
ข้าวขาหมู   Pork leg with rice, Pork's leg with rice
                   stewed pork leg on rice
                   fresh ham on rice
ข้าวไข่เจียวหมูสับ   Minced pork omelet
ข้าวคลุกกะปิ    Shrimp paste fried rice
ข้าวซอย    Northern-style chicken noodle soup

ข้าวต้ม    Rice porridge
ข้าวต้มปลา/ไก่/กุ้ง    rice soup with fish/chicken/shrimp
ข้าวต้มมัด   Steamed sticky rice and banana
                     wrapped in banana leaves
ข้าวต้มหมู    Rice porridge with pork

ข้าวผัด   Fried rice
ข้าวผัดกะเพรา หมู ไก่, ทะเล
      Basil fried rice with pork, chicken, or seafood
ข้าวผัดไก่   Fried Rice with Chicken
ข้าวผัดปู    Crab fried rice
ข้าวผัดปู    Fried rice with crab meat
ข้าวผัดสับปะรด   Fried Rice with Pineapple
ข้าวผัดหมู    Pork fried rice

ข้าวพริกแกงหมู, ไก่, ทะเล
      Rice pepper curry with pork, chicken, or seafood
ข้าวมันไก่    boned, sliced Hainan-style chicken
                     with marinated rice
ข้าวมันไก่    Steam chicken rice
ข้าวหน้าไก่   chicken with sauce over rice
ข้าวหน้าเป็ด   Duck with rice
ข้าวหน้าเป็ด    roast duck over rice

ข้าวหมูแดง    Barbecued pork with rice
ข้าวหมูแดง    red pork with rice
ข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทย
         Rice with pork fried with garlic and black pepper

เส้น
ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่    Stir-fried fresh rice-flour noodles
                              with chicken and egg
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ หมู, ไก่, ทะเล
          Spicy lemongrass flavored flat noodles
          with pork, chicken, or seafood
ก๋วยเตี๋ยวน้ำ    Noodle soup
ก๋วยเตี๋ยวน้ำ    wide rice noodle soup
                         with vegetables and meat

ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ    Noodle soup with beef
ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ  Pink seafood flat noodles
ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า    Stir-fried Fresh rice-flour noodles in thick sauce
ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า    Stir-fried noodles with savory sauce
ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าผักรวมมิตร
         Fried noodles with pork and kale in gravy sauce

ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่   Fresh flat rice-flour noodles
ก๋วยเตี๋ยวแห้ง    wide rice noodles with vegetables and meat
เกี๊ยวน้ำ    Wanton soup

ขนมจีน    Thai rice flour noodles
ขนมจีนน้ำพริก  Rice Noodles in sweet curry sauce
ขนมจีนน้ำยา   noodles with fish curry
ขนมจีนน้ำยา   Rice noodles in (with) fish curry sauce

บะหมี่น้ำ  wheat noodles in broth with vegetables and meat
บะหมี่แห้ง  wheat noodles with vegetables and meat

ผัดชีอิ้ว   Noodles fried in soy-sauce
ผัดซีอิ้ว  fired thin noodles with soy sauce
ผัดซีอิ๊ว  Noodle fried in soya bean sauce
ผัดซีอิ๊ว  Stir-fried fresh rice-flour noodles in sweet soy sauce

ผัดไทย    thin rice noodles fried with tofu, vegetable, egg and peanuts
ผัดไทยกุ้ง   Fried Noodles with Shrimp
ผัดไทยห่อไข่   Fried Noodles in Egg Wrap

ใครชอบอาหารแบบไหนเชิญสั่งได้เลยนะครับ...
* * * * * * *

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

ภาษาอังกฤษ-คำศัพท์พุทธศาสนา

วันนี้ก็จะเป็นาภาคต่อจากครั้งที่แล้วนะครับ
คือจะเป็นคำศัพท์เกี่ยวกับพุทธศาสนา แต่คราวเป็นจะเป็น
ภาษาบาลี - สันสกฤต (Pāli - Sanskrit) และมีของแถม
ต่อท้ายจะเป็นอะไรต่อลองอ่านดูนะครับ

กรรม    kam (ภาษาไทย)
กรรม    kamma (Pāli)
กรรม    karma (Sanskrit)
กวนอิม    Guānshì Yīn or Guān Yīn (ภาษาจีน)
การนั่งสมาธิด้วยการกำหนดลมหายใจ, อานาปานสติ    anapanasati
กาลามสูตร   the Kalama Sutta

ความทุกข์   dukkha (Pāli)
เจ้าชายสิทธัตถะ    Siddhartha
ชาวพุทธ    Buddhist
ต้นโพธิ์    Bodhi tree
ตัณหา    tanha

ไตรรัตน์, รัตนไตร   tiratana (Pāli)
ไตรรัตน์, รัตนไตร   triratna (Sanskrit)

ไตรสิกขา   the three practices (sila - samadhi - panya)
  ไตรสิกขา-ศีล    sila
  ไตรสิกขา-สมาธิ   Samadhi
  ไตรสิกขา-ปัญญา   panya

เถรวาท     thaviravāda (Sanskrit)
เถรวาท    theravada
เถรวาท    theravāda (Pāli)
ธรรมจักร  Dharmachakra
     (สัญลักษณ์ของพุทธศาสนา)
ธรรมะของพระพุทธเจ้า  Buddha's Dharma

นะโม    namas (Sanskrit)
นะโม    namo (Pāli)

ปฏิจจสมุปบาท   pratitya-samutpada
ปฏิจจสมุปบาท   pratītya-samutpāda (Sanskrit)
ปัญญา    paññā (Pāli)
ปัญญา    prajñā (Sanskrit)

ปาฏิโมกข์     Patimokkha
     (ศีลของพระภิกษุ 227 ข้อและ ศีลของพระภิกษุณี 311 ข้อ)
ปาราชิก   Parajika
พระโคตมหรือพระโคดม  Gautama Buddha
      (พระนามของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
พระเจ้าสุทโธทนะ    Shuddhodhana
       (พระบิดาของเจ้าชายสิทธัตถะ)

พระไตรปิฎก Tipitaka (Pāli)
พระไตรปิฎก Tripitaka (Sanskrit)
พระไตรปิฎกหมวดพระวินัยปิฎก   Vinaya Pitaka
        (พระวินัย ได้แก่ประมวลระเบียบข้อบังคับของบรรพชิต
         ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ)
พระไตรปิฎกหมวดพระสุตตันตปิฎก    Sutra Pitaka
        (พระสูตร ได้แก่ประมวลพระพุทธพจน์ที่พระพุทธเจ้า
         ทรงแสดงยังที่ต่างๆ ให้เหมาะกับบุคคล สถานที่
         และเหตุการณ์ มีเรื่องราวประกอบ)
พระไตรปิฎก- พระอภิธรรมปิฎก    Abhidhamma Pitaka
        (พระอภิธรรม) ได้แก่ประมวลคำสอนที่เป็นหลักวิชาการล้วนๆ)

พระไตรปิฎกหมวดพระวินัย    Vinaya Pitaka
พระไตรปิฎกหมวดพระสุตตันตปิฎก   Sutra Pitaka
พระไตรปิฎกหมวดพระอภิธรรม   Abhidhamma Pitaka (Pāli)
พระไตรปิฎกหมวดอภิธรรม    Abhidhamma Pitaka (Pali - Sanskrit)

พระธรรม dhamma (Pāli)
พระธรรม dharma (Sanskrit)
พระธรรม, ธรรมะ Dharma
พระธรรมจักร dhammacakka (Pali)
พระธรรมจักร dharmacakra (Sanskrit)

พระนางประชาบดีโคตมี  Maha Pajapati Gotami
    (ผู้ที่เลี้ยงดูเจ้าชายสิทธัตถะ)
พระนางยโสธรา    Yashodhara
    (พิมพา พระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะ)
พระนางสิริมหามายา   Mayadevi
     (พระมารดาของเจ้าชายสิทธัตถะ)

พระนิพพาน   nibbana (Pali)
พระนิพพาน   nibbāna (Pāli)
พระนิพพาน   nípphaan (ภาษาไทย)
พระนิพพาน   nirvana (Sanskrit)

พระพุทธ, พุทธะ    Buddha  (Pāli, Sanskrit)
พระพุทธศาสนาแบบธิเบต   Tibetan Buddhism (Pali - Sanskrit)
พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท  Theravāda Buddhism (Pāli)
พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน   Mahayana Buddhism

พระโพธิสัตว์   bodhisattva
พระภิกขุ     bhikkhu
พระภิกขุ     bhikkhu (Pāli)
พระภิกขุณี  bhikkhuni (Pāli)
พระภิกษุ     bhikshu
พระภิกษุณี bhiksuni

พระวินัย    Vinaya
พระศากยมุนี   Buddha Śākyamuni
พระศากยมุนี    Buddha Shakyamuni
  (อีกพระนามหนึ่งพระนามของพระพทธเจ้า)
พระสงฆ์   Sangha
พระสาลีบุตร   Shariputra

พระสูตร   sutta (Pali)
พระสูตร    Sūtra, sutra (Sanskrit)
พระสูตรในฝ่ายมหายาน   Mahayana sutras
พระอรหันต์   arahat or arahant (Pāli)
พระอรหันต์    arhat (Sanskrit)

พระอวโลกิเตศวร   Avalokiteshvara
พระอวโลกิเตศวร   Avalokiteśvara
พุทธศาสนา   Buddhism
โพธิ   bodhi
มรรค    Magga
มหายาน   Mahayana

มัชฌิมาปฏิปทา, ทางสายกลาง   madhyamā-pratipad (Sanskrit)
มัชฌิมาปฏิปทา, ทางสายกลาง   majjhimā patipadā (Pali)
โมกข์ (ความหลุดพ้นจากกิเลส)   moksa
ลุมพีนี (ที่ประสูติ)   Lumbini
วิมุตติ (ความหลุดพ้นจากกิเลส)   vimutti (Pāli)
ศากยะ (ชื่อตระกูลของเจ้าชายสิทธัตถะ)   Sakya

ศีล 5   Pañcasīla (Pali)
ศีล 5   Pañcaśīla (Sanskrit)
ศีล     sīla (Pāli)
ศีล     śīla (Sanskrit)

สมาธิ samādhi (Sanskrit and Pāli)
สังสารวัฏ Samsara
สัมมา    sammā (Pāli),
สัมมา    samyañc (Sanskrit)
สัมมาสมาธิ   sammā-sati (Pāli)
สัมมาสมาธิ    samyak-samādhi (Sanskrit)

สิทธัตถะ    Siddhartha
   (ผู้ปรารถนาสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น)
สูญญตาม, ความว่าง   sunyata (Pali - Sanskrit)
หินยาน   hinayana
หินยาน   hīnayāna (Sanskrit)

อนัตตา    anātman (Sanskrit)
อนัตตา    anattā (Pāli)
อภิธรรม   abhidhamma (Pāli)
อภิธรรม    abhidharma (Sanskrit)
อริยมรรค   ariya-mak

อริยสัจ
อริยสัจ 4-ทุกข์     Dukkha (Pāli)
อริยสัจ 4-นิโรธ     Nirodha (Pāli)
อริยสัจ 4-มรรค    Magga (Pāli)
อริยสัจ 4-สมุทัย   Samudaya (Pāli)

อวิชชา   avidyā (Sanskrit)
อวิชชา   avijjā (Pāli)
อานาปานสติ   ānāpānasati (Pāli)
อุบาสก   Upasaka

และของแถมด้วย คำศัพท์ที่เกี่ยวกับเทพในศาสนาฮินดู

นารายณ์ 10 ปาง   ten avatars of Vishnu

มัสยาวตาร    Matsya (อวตารเป็น ปลา)
กูรมาวาตาร    Kurma (อวตารเป็น เต่า)
วราหาวตาร   Varaha (อวตารเป็น หมูป่า)
นรสิงหาวตาร   Narasimha (อวตารเป็นคนครึ่งสิงห์)
วามนาวตาร    Vamana (อวตารเป็นพราหมณ์เตี้ย)
ปรศุรามาวตาร    Parashurama (อวตารเป็นพราหมณ์ถือขวาน)
รามาวตาร    Rama (อวตารเป็นพระราม)
กฤษณาวตาร   Krishna (อวตารเป็น พระกฤษณะ)
พุทธาวตาร    Buddha (อวตารเป็น พระพุทธเจ้า)
กัลกยาวตาร   Kalki (อวตารเป็นบุรษขี่ม้าขาว ชื่อ กัลกี)

เขาไกลาศ (ที่ประทับของพระศิวะ)     Mount Kailasa
ครุฑ (พาหนะของพระนาราณ์)     Garuda
ตรีศูล(อาวุธมีลักษณะเป็น 3 ง่าม)   Trishula (Trident)
เทวดา    Deva
เทือกเขาหิมาลัย   Himalayas

นางสีดา Sita
พระสุรัสวดี  Saraswati
    (พระชายาของพระพรหม)
พระตรีมูรติ  Trimurti
      (การรวมกันของ พระศิวะ,พระนารายณ์, พระพรหม)
พระปราวตีหรือพระอุมาเทวี   Parvati
       (พระชายาของพระศิวะ)
พระพรหม Brahma

พระพิฆเนตร   Ganesha (elephant-headed son of Shiva)
พระราม   Rama
พระลักษมี    Lakshmi
      (พระชายาของพระรายณ์)
พระวิษณุหรือพระนารายณ์   Vishnu
พระศิวะ   Shiva, Siva

พระอินทร์   Indra
ศาสนาฮินดู   Hinduism
ศิวะลึงค์   Shiva Lingam
หนุมาน   Hanuman

อนันตนาคราช   Ananta Shesha
อวตาร   Avatara
เขาไกลาส   Kailāsa
พระนารายณ์   Narayana

* * * * * *

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

ภาษาอังกฤษ-คำศัพท์ทางศาสนา

วันนี้ครูเอาคำศัพท์เกี่ยวพระพุทธศาสนาขอฝากให้ทุกคน
แต่วันนี้จะเป็นภาค ไทย - อังกฤษ นะครับ ...

กราบ   to bow to the ground

การขอขมา   asking for pardon
การตรัสรู้, การรู้แจ้งเห็นจริง   Enlightenment
การทำสมาธิ, กรรมฐาน    meditation
การนั่งสมาธิด้วยการกำหนดลมหายใจ
       the breath meditation

กิเลส   defilement
ความทุกข์   suffering
ความว่าง    Emptiness
เครื่องราง   amulet
ฆราวาส    layman

งานมงคล    auspicious ceremony
งานวัด   temple fair
งานอวมงคล   inauspicious ceremony / funeral rite
ช่วงชีวิตของพระพุทธเจ้า    Buddha’s life
ชาวพุทธ    Buddhist

เดินจงกลม    walking meditation
ตัณหา    desire
ทางสายกลาง    Middle way
ทำบุญขึ้นบ้านใหม่   house – warming ceremony
ธูป    joss stick

นั่งสมาธิ   sitting meditation
น้ำนมต์    blessing water
ปรัชญาทางพระพุทธศาสนา   Buddhist philosophy
ปัญญา   Wisdom
เปรต    the hungry ghost

พระไตรปิฎก   The Three Baskets (English)
พระพุทธรูป    the Buddha image
พระอรหันต์    the Perfect One
พุทธพจน์, สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส   Buddha’s sayings
พุทธศิลป์     Buddhist art

มรรคมีองค์ 8    The Noble Eightfold Path
ศาลพระภูมิ    the spirit house
ศาสนา    religion
ศาสนาพุทธ   Buddhism
ศีล    the precept

ศีลแปด   eight precepts
ศีลห้า    five precepts
สติ     Mindfulness
สิ่งที่พระพุทธโคดมสอนไว้
     the teachings of Gautama Buddha
สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน   Buddha’s teachings

อวิชชา   ignorance, delusion
อัตตา, ความมีตัวตน   self, ego (English)

* * * * * * *

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

คณิตศาสตร์ - การค้าขาย

วันนี้ครูเอาโจทย์เกี่ยวกับการค้าการขายมาให้ดูกัน

ก็คิดว่าคงอาจจะช่วยให้หลายคน เข้าใจเรื่องเกี่ยวกับการค้ามากขึ้นนะครับ

* * * * * * *

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

ภาษาอังกฤษ - โรง

วันนี้ครูเอาศัพท์ที่มีความว่า โรง มาฝากให้จดให้จำกันครับ


โรงกลั่น refinery
โรงกลั่นน้ำมัน oil refinery
โรงเก็บเครื่องบิน, โรงซ่อมเครื่องบิน hangar
โรงเก็บยานพาหนะ barn
โรงฆ่าสัตว์ slaughterhouse
โรงงาน, โรงงานอุตสาหกรรม factory

โรงงานทอผ้า weaving factory
โรงงานบรรจุอาหารกระป๋อง cannery
โรงงานยาสูบ tobacco factory
โรงทาน almshouse
โรงทำน้ำแข็ง icehouse
โรงนา farm shed

โรงนา, ยุ้งฉาง grange
โรงพยาบาล hospital
โรงพยาบาลโรคจิต mental hospital, lunatic asylum
โรงพลศึกษา gymnasium
โรงพัก, สถานีตำรวจ police station
โรงพิมพ์ press, printing house

โรงพิมพ์ม สำนักพิมพ์, สถานที่พิมพ์ publisher
โรงไฟฟ้า power plant
โรงภาพยนต์ cinema, theatre
โรงรถ, อู่ซ่อมรถ garage
โรงรีดนมขายนม dairy
โรงเรียน school

โรงเรียน, สถานศึกษา academy
โรงเรียนกวดวิชา tutorial school
โรงเรียนช่าง trade school
โรงเรียนดัดสันดาน reformatory
โรงเรียนที่มีการเรียนเฉพาะกลางวัน day school
โรงเรียนเทศบาล municipal school

โรงเรียนเทศบาล public school
โรงเรียนนานาชาติ international school
โรงเรียนประจำ, โรงเรียนกินนอน boarding-school
โรงเรียนประถมศึกษา elementary school
โรงเรียนมัธยม high school
โรงเรียนราษฎร์ private school

โรงเรียนสตรี girl school
โรงเรียนสตรีล้วน all-girls school
โรงเรียนสอนดนตรี conservatory
โรงเรียนสอนศาสนาในวันอาทิตย์ Sunday school
โรงเรียนอนุบาล kindergarten
โรงเรียนเอกชน private school, independent school

โรงแรม hotel
โรงแรมหรูหรา swish hotel
โรงละคร, หอประชุม auditorium
โรงละครสัตว์ circus
โรงสวด, ห้องสวดมนต์ chapel
โรงสี mill

โรงหล่อ (โลหะหรือแก้ว) foundry
โรงอาหาร canteen **  โลงศพ  coffin **

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

ภาษาอังกฤษ - ตัวย่อที่น่าจำ

หายไปหลายวัน วันนี้เลยเราเรื่องของ
คำย่อที่น่าจดจำมาให้ได้ดูกัน

Abbreviations (คำย่อ)

A/C, A.C    account    บัญชี
A/C No.      account number    เลขที่บัญชี
Ad., Ads.   Advertisements   โฆษณา
Agcy.    Agency     บริษัทนายหน้า
A.M.    Ante Meridiem     ก่อนเที่ยง
Ans.     Answer     คำตอบ
Asst.    Assistant   ผู้ช่วย
Ave.     Avenue    ถนน

B.C.     Before Christ    ก่อนคริสต์ศักราช
Biz       Business    ธุรกิจ
Bldg.   Building   ตึก
B.O.     Branch Office   สำนักงานสาขา
Co.      Company   บริษัท
Co., Ltd.     Company Limited บริษัทจำกัด
Conts.      Contains ขนาดบรรจุ

Dept.     Department แผนก, ฝ่าย
Dlp.       Diploma อนุปริญญา
Dr.         Doctor หมอ
Exam.     Examination การสอบ, การตรวจ
Exp.        Experience ประสบการณ์
Exp. Date      Expired Date วันหมออายุ

Flr         floor   ชั้นของตึก
Ft          foot    ความยาวเป็นฟุต
G.M.     General Manager    ผู้จัดการทั่วไป
G.M.T.     Greenwich  Mean Time
               เวลาตามนาฬิกาที่เมืองกรีนิช
H.M.      His Majestic    ฝ่าละอองธุลีพระบาท
Hrs.       Hours    ชั่วโมง

Inc.         Incorporated   บริษัท
Int.         Interest   ดอกเบี้ย
Ltd.        Limited    บริษัทจำกัด
M.C.      Master of Ceremony   พิธีกร
Misc.     Miscellaneous    เบ็ตเตล็ด
M.p.h.   Miles per hour    ไมล์ต่อชั่วโมง

o’clock    of the clock   ....โมง
O.K.        Orl korrect    ถูกต้อง
p.m.         post meridiem   หลังเที่ยง
Qt.          Quantity    ปริมาณ
Qual.      Quality     คุณภาพ
Rcpt.      Receipt    เสร็จรับเงิน
Rd.         Road   ถนน
Ref.        Reference   อ้างอิง
Reg.       Register    ลงทะเบียน

Bc. B.    Bachelor of science
              ปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์
Sci.        Science     วิทยาศาสตร์
Sig.        Signature    ลายเซ็น
Spec.     Special   พิเศษ
Sq. ft     Square foot   ตารางฟุต

Tel.       Telephone   โทรศัพท์
Vol.       Volume   ปริมาณ
Wt.       Weight    น้ำหนัก
Xmas    Christmas   วันคริสต์มาส
Xtra.     Extra    พิเศษ

ผมได้ทำเว็บไซด์แฝดน้อง http://kruteeworld.com/
มีเนื้อหาและใบงานให้ดาวน์โหลดกันฟรี

เชิญทุกท่านไปเยี่ยมชมกันได้ครับ
* * * * * * *

ภาษาอังกฤษ - การใช้ If (แบบย่อ)

ประโยคเงื่อนไขในภาษาอังกฤษ (If Clause)

ประโยคเงื่อนไขในที่นี้คือประโยคที่มีความหมายว่า ถ้า…แล้ว…
เช่น ถ้าคุณไม่ตั้งใจเรียนแล้วคุณจะสอบตก
ในภาษาอังกฤษมีรูปประโยค ถ้า… แล้ว…
หลายรูปแบบและมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. If แบบที่ 1 มีรูปแบบคือ
   If present simple, present simple
   Present simple if present simple (สลับที่กันได้)
วิธีการใช้ : ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติตามธรรมชาติ เช่น
   If water boils, it becomes stream.
   ถ้าน้ำเดือดมันจะกลายเป็นไอน้ำ

2. If แบบที่ 2 มีรูปแบบคือ
   If present simple, future simple
   Future simple if present simple (สลับที่กันได้)
วิธีการใช้ : ใช้กับเหตุการณ์ที่เหตุการณ์หนึ่งเกิดอีกเหตุการณ์หนึ่งก็อาจจะเกิดตามมา เช่น

If you don’t work hard, you will not pass the exam.
     ถ้าคุณไม่ตั้งใจเรียนคุณจะสอบตก
You will get hurt if you make fall off the bicycle.
    คุณจะได้รับบาดเจ็บถ้าคุณตกจากจักรยาน
I will go a work if the weather is fine.
    ฉันจะไปเดินเล่นถ้าอากาศดี
The teacher will scold you if you make the class dirty.
    ครูจะดุพวกคุณถ้าคุณทำห้องเรียนสกปรก

หรือ If present simple, Imperative (ประโยคคำสั่ง)
    If he comes, tell him wait me for a minute.
    ถ้าเขามา ช่วยบอกเขารอฉันสักครู่

หรือ If preseant simple, ประโยคคำถาม
   If I don't pass the exam, what should I do?
  ถ้าฉันสอบไม่ผ่าน ฉันควรทำอะไรต่อ?
  If they blame you, what will you say?
  ถ้าเขาตำหนิคุณ แล้วคุณจะพูดอย่างไร? 

3. If แบบที่ 3 มีรูปแบบคือ
If past simple, sub. + would + v1
วิธีการใช้ : ใช้กับเหตุการณ์ในปัจจุบันและไม่ได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด
If I were a birth, I would fly to see you.
   ถ้า(ตอนนี้)ฉันเป็นนกฉันจะบินไปให้เธอ (แต่จริงๆไม่ได้เป็นนก)
If it rained, we would not play football.
  ถ้า(ตอนนี้)ฝนตก เราจะไม่เล่นฟุตบอล (แต่จริงๆฝนไม่ได้ตก)
หมายเหตุ
** เราใช้ were กับประธานทุกตัวใน if แบบนี้

4. If แบบที่ 4 มีรูปแบบคือ
If past perfect, sub. + would have + v3
วิธีการใช้ : ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตและไม่ได้เป็นเรื่องจริง

If I had worked hard, I would have passed the exam.
ถ้า(ตอนนั้น)ฉันขยันเรียน ฉันก็จะสอบผ่าน
(ความจริงคือ ไม่ได้ขยันเรียนและสอบตกไปแล้ว)

****  ถ้าจำรูปประโยค พื้นฐานไม่ได้ให้ไปดูทบทวนที่หัวข้อ สรุปเรื่องของtense
*** ต้องงพยายามท่องรูปประโยค และความหมายให้ได้
แล้วจะทำข้อสอบหรือออ่านประโยคแล้วข้อใจความหมายของมัน ***

* * * * *

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

คณิตศาสตร์กับสุขภาพ ตอนที่ 2

จากตอนที่แล้วทำให้ผมต้องเขียนตอนที่ 2 นี้ขึ้นมา ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวเนื่องกัน คือ เราเคยคิดกับบ้างหรือไม่ว่า การเจ็บป่วยเราเอง ไม่ได้มีผลกับตัวเราเองเท่านั้นยังมีผลกระทบกับคนรอบข้าง และ ประเทศชาติของเราอีกด้วย

หลายเราคงนึกเถียงผมอยู่ในใจ แต่ของให้อ่านต่อไปก่อนนะครับ แล้วไม่เชื่ออีกก็ไม่ว่ากัน

ผมจะเริ่มต้นด้วยการสมมติว่า เราเองอายุในช่วงวัยทำงาน มีรายได้ ประมาณ 12,000 บาท ถ้าผมป่วยเข้าโรงพยาบาล(เอกชน) อยู่ 5 วัน ผมต้องเสียเงิน 36,000 บาท (เท่าที่ทราบค่าห้องพักพิเศษคืนละ 4,000 บาทต่อ 1 วัน) เท่านี้ก็จะเห็นว่า แค่นี้ ก็แย่แล้ว ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วผมจะเอาอะไรกิน ถ้าไม่มีคนมาช่วยเอาเงินให้หรือผมเองไม่ดีเงินเก็บมาเลย

นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆอันหนึ่งที่นำมาให้พิจารณา แต่ลองคิดดูให้กว้างขึ้นไปอีกนะครับ ว่า ถ้าในประเทศของเรามีคนที่เจ็บป่วย 100,000 ราย เราเองจะสูญเสียเงินไปในเรื่องของการรักษาตัวไปมากเพียงใด

ถ้าคนเป็นคนที่มีรายได้น้อยหรือคนไม่ได้หารายได้ได้เอง เช่นคนแก่และเด็ก จะเป็นอย่างไร
แน่นอนที่สุด เราซึ่งเป็นลูกเป็นหลานหรือเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ไปก่อน
หรือถ้าไม่มีเงินเราก็ต้องกู้ยืมเงิน หรือ นำทรัพย์สินที่ไม่ไปขายหรือจำนองไว้เพื่อนำเงินมาจ่ายค่ารักษา

แต่ก็คงมีคนนึกต่อว่า ทำไมไม่ส่งโรงพยาบาลของรัฐใช้สิทธิต่างๆที่รัฐจัดให้ก็ได้
คำตอบก็คือ ถ้ามาถึงจุดนี้แล้วนั่นหมายถึงคุณไม่สามารถดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้ ต้องยกให้เป็นภาระของคนอื่น ถึงแม้ว่าคุณจะจ่ายเงินน้อยลงก็จริง แต่ถ้าต้นทุนการรักษาจริงก็ไม่ได้ถูกลงไปเลยนะครับ เพราะรัฐต้องเอาเงินภาษีหรือเงินส่วนอื่นมาจ่ายให้

มาถึงตรงนี้คงมองเห็นภาพ(ความสูญเสีย) ที่เกิดแล้วนะครับ ว่าความเจ็บป่วยของเรามีผลกระทบแค่ไหน
ลองมาสรุปกันอีกทีก็ได้

เกี่ยวกับตัวเราเอง
* ทำให้เราต้องเสียรายได้เพราะตอนเราป่วยส่วนใหญ่ต้องหยุดทำงานไม่สามารถหารายได้
* ทำให้เราสียเวลางาน สำหรับหลายๆคนการต้องหยุดงานบ่อยๆทำงานสิทธิภาพของการทำงานลดลง
* ทำให้เราเสียเงินไปกับการรักษา ถ้าไม่เราไม่เจ็บป่วย เราก็สามารถนำเงินส่วนนี้ไปทำประโยชน์ด้านอื่นๆได้
* สูญเสียความมั่นใจและกำลังใจในการดำเนินชีวิต ในกรณีที่หลายคนเป็นโรคจำเป็นตัว ต้องเข้าๆออกๆ บ้านกับโรงพยาบาลบ่อยๆ

เกี่ยวกับคนรอบข้าง
อย่างน้อยที่สุดทำให้เสียเวลางานที่ต้องมาดูแลเรา บางครั้งก็ต้องใช้เหลือด้านค่ารักษา

เกี่ยวกับสังคม
* การเจ็บป่วยของพวกเราเป็นตัวสะท้อนในด้านการในชีวิตของคนในสังคมที่ไม่ดี ที่ขาดความรู้ความเข้าใจในการการดูแลรักษาสุขภาพ สะท้อนสภาพแวดล้อมในการเป็นอยู่ของคนในสังคม
* การรักษาแต่ละครั้งทำให้เกิดขยะที่เรียกว่า ขยะพิษมากมาย ทำให้เกิดมลภาวะ ซึ่งเป็นอันตรายกับคนในสังคม

เกี่ยวกับรัฐบาล
* รัฐบาลต้องเสียเงินมาใช้จ่ายสำหรับการซื้อยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยในแต่ละปีเป็นเงินจำนวนมาก ทำให้งบประมาณในการพัฒนาในด้านอื่นๆลดลงทำให้ต้องสูญเสียโอกาสในการแข่งขันกับประเทศอื่น

เพียงนี้คงพอทำให้หลายๆคนพอให้ถึงความเป็นจริงที่เกิดนะครับว่า เวลาเกิดสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาครั้งหนึ่งความเสียหายความเดือดร้อน มันไม่ใช่แค่กับเราคนเดียวแต่กับคนอื่นก็ได้รับผลกระทบแบบไม่รู้ตัวไปด้วย ดังนั้นการดูแลตัวเองไม่ให้เราเจ็บป่วย

ขอให้พวกเราช่วยกันท่องจำกันไว้ว่า เราไม่ป่วยประเทศชาติของเราก็ไม่ป่วยด้วย เราแข็งแรงประเทศชาติก็พัฒนา

แล้วอะไรทำให้เราป่วย
ผมไม่ใช่หมอแต่จะขอตอบคำถามนี้ว่า สาเหตุของการเจ็บป่วยของเราเกิดขึ้นจาก
  1. กรรมเก่าของเราเอง
  2. การเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้องในวัยเด็ก
  3. การใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้องหรือมีความประมาทในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะในเรื่องการกิน
  4. การขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลสุขภาพ
  5. ความเครียด
  6. การอยู่สภาพแวดล้อมที่เสี่ยงกับการเจ็บป่วย
  7. เชื้อโรคที่มีมากขึ้นทุกวัน

ถ้าเป็นแล้วต้องทำอย่างไร
วิธีการเมื่อเจ็บป่วยหรือไม่สบายด้วยโรคต่างๆ ตรงนี้ผมขอใช้การทั่วไปนะครับ
  1. ทำใจและตั้งสติให้ดี (ผมว่าเป็นสิ่งแรกที่เราทำได้และต้องทำ)
  2. รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา หายามาทาน พร้อมกับถามสาเหตุและการดูแลตัวเอง
  3. ปฏิบัติตัวตามที่แพทย์บอก ทานยาตรงเวลา และไปพบแพทย์ตามกำหนด
  4. ดูแลเรื่องความสะอาดของที่พักอาศัย
  5. ระวังเรื่องของอาหารการกิน

ตามที่พระพุทธองค์ตรัสแล้วครับว่า การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
ขอให้ที่คนรักษาสุขภาพให้แข็งแรงครับ
* * * * * *

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

คณิตศาสตร์กับสุขภาพ ตอนที่ 1

หลายวันก่อนมีข่าวที่พูดเกี่ยวกับเรื่องการใช้ค่าดัชนีมวลกาย
มาใช้ในหน่วยงาน ครูเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจและมีความสำคัญ
เลยเป็นที่มาของบทความในวันี้

ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index, BMI)
เป็นดัชนีอาศัยความสัมพันธ์ระหว่าง ส่วนสูง และน้ำหนักตัว เพื่อประเมินภาวะอ้วนผอมในบุคคลอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป มาเป็นตัวช่วยบ่งชี้สภาวะร่างกายของแต่ละคน ตัวดัชนีจะช่วยบ่งบอกให้ทราบว่าเรามีสภาพที่อ้วนมากเกินไปหรือไม่ (ค่าดัชนีสูง ยิ่งสูงมากก็ยิ่งอ้วนมาก)

วิธีการหาค่าดัชนีมวลกาย เรามีสูตรในการหา ค่าดัชนีมวลกาย ดังนี้

หรือถ้าดูสูตรแล้วไม่เข้าใจ ก็ให้คิดตามนี้
1. หลังจากที่ทราบความสูง(เมตร) และน้ำหนัก(กิโลกรัม)
    แล้ว เช่น 1.66 เมตร หนัก 54 กิโลกรัม
2. นำความสูงที่มาคูณกันเอง จะได้ 1.66 × 1.66 = 2.7556 หรือ 2.76
3. นำค่าที่ได้ไปหารน้ำหนักตัว 54 / 2.76 = 19.57
4. นำตัวเลข 18.84 มาเทียบกับตาราง ด้านล่าง

17.0-18.4     ผอม
18.5-19.9     สมส่วน
20.0-24.9     น้ำหนักเกิน
25.0-29.9     อ้วน
30.0-39.9     อ้วนอันตราย

ซึ่งค่าดัชนีที่ได้ อยู่ระหว่าง 18.5-19.9 ซึ่งในระดับสมส่วน ร่างกายของเราอยู่ในเกณฑ์ปกติ

แต่ถ้าเรามีน้ำหนักตัวมากเกินไปก็อาจค่าดัชนีที่ได้จะเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าเราอาจจะมีโรคอื่นๆเกิดตามมาได้เช่น ไขมันในเลือดสูง เส้นเลือด หัวใจตีบตัน ความดันโลหิตสูง อัมพฤต อัมพาต โรคกระดูกและไขข้อ โรคเบาหวาน

ดังนั้น เราควรดูแลตัวเองด้วยการ พยายามควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ (ให้เหมาะสมกับวัย, ลักษณะการใช้ชีวิตและลักษณะการทำงาน) ดื่มน้ำที่ต้มสุกและสะอาด หาเวลาออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ

แล้ว ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index, BMI) ของคุณคือ เท่าไหร่ ลองคิดดูหรือยัง

* * * * * * * * *

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

ภาษาอังกฤษ - ต้อง ในภาษาอังกฤษ

ตอนครูจะทำตามที่เคยสัญญาไว้นะครับว่าจะเอาเรื่องของ
คำว่า ต้อง ในภาษาอังกฤษมาให้พวกเราอ่านกัน
คำว่า ต้อง ในภาษาอังกฤษที่ใช้กันมี 2 พวก
1. must
2. has to , have to

must = ต้อง (เป็นคำกริยาช่วย)
รูปแบบ must + V1(กริยาช่องที่ 1)
วิธีการใช้
1. ใช้ในประโยคที่เป็นคำสั่ง, เป็นไปตามกฎเกณฑ์ หรือ
สิ่งที่ต้องกระทำ (มากความหนักแน่นกว่า Has to , have to) เช่น

All students must pass an entrance examination to study at this university.
นักเรียนทุกคนต้องสอบคัดเลือกให้ผ่านเพื่อจะได้สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนี้

You must take some medicine for that cough.
คุณต้องทานยาสำหรับอาการไอ

You must have a permit to enter the building.
คุณห้องได้รับอนุญาตเพื่อที่จะเข้าไปในตึก

We must become old.
ทุกคนต้องแก่ตัวลง

All human being must die.
มนุษย์ทุกคนต้องตาย

I must do everything by myself.
ฉันต้องทำทุกอย่างด้วยตัวฉันเอง

You must follow the traffic rules strictly.
คุณต้องทำตามกฎจราจรอย่างเข้มงวด

I must be home by ten.
ฉันต้องถึงบ้านก่อน 10 โมง

Every man must do military service in my country.
ในประเทศของฉัน ผู้ชายทุกคนต้องเข้ารับราชการทหาร

I must go now. See you.
ฉันต้องไปก่อนแล้ว แล้วพบกันใหม่

A nurse must be trained for many years.
นางพยาบาลต้องได้รับการอบรมหลายปี

2. ใช้ในประโยคที่แสดงความแน่ใจในเหตุการณ์ต่างที่เกิดขึ้น
That must be Tom.
นั้นต้องเป็นทอมแน่ๆ

I sure (that) he must be 22 years old.
ฉันมั่นใจว่าเขาต้องอยู่ 22 ปี

This must be the right telephone number.
นี้ต้องเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ถูกต้องแน่ๆ

My mother must be cooking something in the kitchen.
แม่ของฉันต้องกระลังทำอะไรบางอย่างอยู่ในครัว

รูปปฏิเสธของ must คือ must not (mustn't) = ต้องไม่
วิธีการใช้

1. ใช้ในการห้ามหรือการไม่อนุญาตให้ทำสิ่งต่างๆ
You must not eat that. it is for children.
คุณต้องไม่กินมัน นั้นมันสำหรับเด็กๆ

It is a toxic chemical. We must not touch it.
มันเป็นสารเคมีที่มีพิษ พวกเราต้องไม่สัมผัสมัน

Children must not play near the road.
เด็กๆต้องไม่เล่นอยู่ใกล้กับถนน

You mustn't drink so much. It's not good for your health.
คุณต้องไม่ดื่มมากเกินไป มันเป็นสิ่งที่ไม่ดัต้องสุขภาพ

2. ใช้แสดงความไม่แน่ใจกับบางเรื่องราว
That must not be Jim. He is too short.
นั้นต้องไม่ใช้จิมแน่ๆ เขาเตี้ยแก่ไป

หมายเหตุ
ในการใช้งานจริง บางครั้งคนฝรั่งก็ใช้ทั้ง 2 คำนี้ปนๆกันไป
(แบบอนุโลม)
Policemen have to wear a uniform.
ตำรวจต้องสวมเครื่องแบบ

You have to have a visa to come to America.
คุณต้องมีวีซ่าเพื่อที่จะไปอเมริกา

has to, have to = ต้อง (เป็นคำกริยาช่วย)
รูปแบบ
has to + กริยาช่องที่ 1 ใช้กับประธานเอกพจน์
have to + กริยาช่องที่ 1 ใช้กับประธานพหูพจน์
วิธีใช้
ใช้กับเหตุการณ์ที่แสดงถึงความจำเป็นในการสิ่งต่างๆ
ที่ไม่ใช้การบังคับหรือตามกฎเกณฑ์

The students have to go to school every day.
นักเรียนต้องไปโรงเรียนทุกวัน

He has to tell us the truth.
เขาต้องพูดความจริงกับพวกเรา

I have to be home by moon.
ฉันต้องถึงบ้างก่อนเที่ยง

My daughter has to cook for the whole family.
ลูกสาวของฉันต้องทำอาหารให้ทุกคนในบ้าน

รูปปฏิเสธของ has to , have to คือ
do not have to หรือ don't have to

I don't have to get up early at weekend. (I can stay in bed as long as I want.)
ฉันไม่ต้องตื่นนอนแต่เช้าตอนวันหยุด (ฉันสมารถนอนได้นานขึ้นตามที่ฉันต้องการ

He doesn't have to do anything if you don't want to.
เขาไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ ถ้าเขาไม่ต้องการทำ

We don't have to pay for it. It's free.
พวกเราไม่ต้องจ่ายเงิน มันฟรี

You don't have to go with me. I can go with him
คุณไม่ต้องไปกับฉันก็ได้ ฉันไปกับเขาได้

* * * * * * * *